นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นที่ บริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ทางที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ โดยบริษัทแจ้งจะรับโอนกิจการทั้งหมดของ Lotus’s Thailand และภายหลังการรับโอนกิจการทั้งหมดเสร็จสิ้น จะดำเนินการควบรวมบริษัท กับ Ek-Chai และจะจัดตั้ง “บริษัทใหม่” ขึ้น
มองว่าจะเป็นผลบวกต่อ CPAXT อย่างมาก เพราะจะทำให้ CPAXT มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้น มีต้นทุนในการบริหารที่ลดลง สามารถใช้งานฐานข้อมูล รวมถึงสร้าง Synergy ร่วมกันได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในช่วงแรกที่ทางกลุ่มซีพีได้เข้าลงทุนในแม็กโคร และโลตัส เข้ามา อาจยังไม่สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินงานอะไรได้มากนัก ทำให้ยังเห็นความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานของทั้ง 2 บริษัทอยู่ โดยหลังจากที่การดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ แล้วเสร็จ คาดว่าจะเห็นอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขี้นได้ชัดเจน
บล.ทิสโก้ เผยว่า กรณีการควบรวมกิจการระหว่าง MAKRO และ LOTUS ประเทศไทย จากผลการดำเนินงาน CPAXT ได้ประกาศควบรวมกิจการระหว่าง CPAXT และเอกชัย (บริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจร้าน LOTUS ในประเทศไทย) แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น และหากได้รับอนุมัติก็ควรเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/67 เมื่อบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียน ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPAXT จะถูก Dilution 1.4%
ประโยชน์จากการควบรวมกิจการจะเป็น 1) เงื่อนไขการค้าที่น่าพอใจ 2) การลดต้นทุน 3) การรวมรายการสินค้า (SKU) และ 4) ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น เช่นการส่งสินค้าหรือการใช้สต็อคสินค้ารวม การควบรวมกิจการน่าจะมีผลกระทบอย่างจำกัดต่องบการเงิน
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/67 ทางฝ่ายคาดว่ากำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง (การปรับโครงสร้างหนี้น่าจะยังได้รับประโยชน์บางส่วนในไตรมาส 2/67) ตอนนี้ทางฝ่ายเห็นกลุ่มค้าปลีกเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ ในขณะที่การมุ่งเน้นไปที่อาหารสดน่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรได้ จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมา ส่งผลให้ทางฝ่ายยังคงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ CPAXT โดยให้มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 36.00 บาท/หุ้น
บล.ดาโอ เผยว่า ล่าสุดทาง CPAXT มีการแจ้งตลาดเกี่ยวกับมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ โดยบริษัทแจ้งจะรับโอนกิจการทั้งหมด (EBT) ของ Lotus’s Thailand และภายหลังการรับโอนกิจการทั้งหมดเสร็จสิ้น บริษัทจะดำเนินการควบบริษัทกับ Ek-Chai และเกิด “บริษัทใหม่” ขึ้น โดยจุดประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการบริหารจัดการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นไตรมาส 4/66 คงประมาณการกำไรปี 67 ที่ 10.4 พันล้านบาท โต 20% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากผลการดำเนินงาน 66 ที่สูงกว่าประมาณการทั้งปีของทางฝ่ายเพียงเล็กน้อย แนวโน้มในไตรมาส 1/67 ยังคงเป็น high season ของกลุ่ม commerce และแรงหนุนจากเทศกาลตรุษจีนราคาหุ้น outperform SET ที่ +2%/+8% ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมา จากตลาดคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 ที่จะออกมาเติบโตดี และมองว่าจะสามารถ outperform ต่อได้จากการฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะจากธุรกิจค้าปลีกในไตรมาส 1/67 ทางฝ่ายแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” CPAXT ราคาเป้าหมาย 36 บาท หลังจากที่ประกาศกำไรปกติ ไตรมาส 4/66 ดีกว่าที่ทางฝ่ายคาด 6% และดีกว่าตลาดคาด 15% ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 22% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หนุนจาก SSSG ที่ดีกว่าคาดจากฝั่ง Retail จบปี 66 มีกำไรปกติ 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
แนวโน้ม SSSG ในไตรมาส 1/67 คาดว่ายังปรับตัวขึ้นได้ราว 4-5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน หนุนกำไรให้คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่งต่อเนื่อง และประกาศแผนปรับโครงสร้างภายในให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับปี 67 ทางฝ่ายคาดกำไรปกติ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ทั้งนี้ ทางฝ่ายประเมินกรอบราคาไว้ที่แนวรับ 29.25//28 บาท และแนวต้าน 31//32//34 บาท
บล.บัวหลวง เผยในบทวิเคราะห์ CPAXT ว่า ภาพแนวโน้มปี 67 คาด Lotus’s จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต จากฐานกำไรที่ต่ำ และเห็นการฟื้นตัวของ SSSG แล้ว ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนการเงินที่ลดลง ฝ่ายวิจัยจึงได้มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักปี 67-68 ขึ้น 3.5% และ 4.4% ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ "ซื้อ" CPAXT ราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 34 บาท (เดิม 31 บาท) และคาดแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นบวกต่อราคาหุ้นระยะสั้น อย่างไรก็ดี หากในเชิงเปรียบเทียบเราชอบ CPALL มากกว่า จาก Valuation ที่ดึงดูดกว่า