นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ DITTO และบริษัทย่อย ในรอบปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 1,816.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 579.80 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 47% มีกำไรสุทธิ 335.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.35 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 43% จากปีก่อน ซึ่งในปี 2566 บริษัทยังสามารถรักษาระดับการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 406.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 119.05 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 41% และมีกำไรสุทธิ 65.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22.55 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 53%
ปันผล 0.25 บาท/หุ้น จ่าย 15 พ.ค.67
นายฐกร กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 173,478,399,50 บาท โดยเงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ.ที่จ่ายตามกฏหมายกำหนด บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธ์รับเงินปันผลในวันที่ 14 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
นอกจากนี้ที่ประชุมกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้ลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG จำนวน 38,000,000 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.28% ราคา 4.60 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 174,800,000 บาท วัตถุประสงค์ของการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจรับเหมาด้านวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีและเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ Climate Technology ของบริษัท โดยปัจจุบัน TEAMG เป็นหนึ่งผู้นำด้านธุรกิจที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร บริษัทเล็งเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจระบบบริหารจัดการข้อมูลของบริษัทจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทได้
นายฐกรกล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 9 คนเป็น 10 คนและมีมติแต่งตั้งนายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เน็ตเบย์ ปัจจุบันเป็นกรรมการบริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส เป็นกรรมการบริษัท” นายฐกร กล่าว
“สำหรับปีนี้ บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจที่ได้เปิดตัวเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกัน เนื่องจากพันธมิตรทุกรายต่างล้วนมีจุดแข็งของตัวเองและจะนำจุดแข็งมาเสริมกันในการขยายงานในเรื่องของดิจิทัลให้เติบโตและตอบโจทก์รัฐบาลอิเลคทรอนิกส์ (e-Government) ที่รัฐบาลชูธงในการพัฒนาประเทศ ซึ่งบริษัทดิทโต้มีทีมงานที่มีความพร้อม มีโปรดักส์หลากหลายสามารถตอบโจทก์ในการเสริมทัพขยายตลาดทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ส่วน Greentech ซึ่งกระแสกำลังมาแรงก็จะตอบโจทก์เรื่องโลกร้อน และสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเรื่องที่ทางบริษัทให้ความสำคัญอย่างมาก “ นายฐกร กล่าว