โบรกชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกระทบธุรกิจโรงแรมจำกัด ชู ERW เด่นสุด

02 เม.ย. 2567 | 05:02 น.
อัปเดตล่าสุด :02 เม.ย. 2567 | 05:25 น.

รัฐจ่อขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน กำหนดกรอบกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ใน 10 จังหวัดนำร่อง มีผลใช้ 13 เม.ย. 67 นี้ โบรกมองกระทบต้นทุนค่าแรงโรงแรมจำกัด ส่องไตรมาส 1/67 ผลงานพีค ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่ง 9.3 ล้านคน ชู ERW เด่นสะดุดตา

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ประเด็นที่ทางประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับขึ้น “ค่าจ้างขั้นต่ำ” หรือค่าแรงขั้นต่ำ รอบใหม่ ซึ่งจะปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2567 เป็นเงินวันละ 400 บาท และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2567 เป็นต้นไป โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะการบริการโรงแรมและที่พัก ที่เป็นสถานประกอบการประเภทกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป และมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ในพื้นที่ 10 จังหวัด ประกอบด้วย

  1. กรุงเทพมหานคร (เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา)
  2. กระบี่ (เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง)
  3. ชลบุรี (เฉพาะเขตเมืองพัทยา)
  4. เชียงใหม่ (เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่) 
  5. ประจวบคีรีขันธ์ (เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน)
  6. พังงา (เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก)  
  7. ภูเก็ต
  8. ระยอง (เฉพาะเขตตำบลบ้านเพ)
  9. สงขลา (เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่)
  10. สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเขตอำเภอเกาะสมุย)

มองว่าประเด็นการปรับขึ้น "ค่าแรงขั้นต่ำ" ในกิจการโรงแรมนั้น แม้ว่าจะเป็นผลกระทบทำให้กลุ่มโรงแรมอาจมีต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะมีผลกระทบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากพนักงานในโรงแรมส่วนใหญ่ได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะทางภาษา ดังนั้น จึงมองว่าแม้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรอบใหม่นี้ก็อาจไม่มีผลกระทบรุนแรงอย่างที่หลายคนกังวลกันอยู่ ในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดกลางและเล็ก อาจมีต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นบ้าง

ทั้งนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9.3 ล้านคน สูงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน 44% สะท้อนต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มท่องเที่ยวในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยทางฝ่ายแนะนำซื้อ ERW (ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท) เพราะมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในอัตสาหกรรมเดียวกัน และ VRANDA (ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท)

นอกจากนี้ จากการเติบโตของการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปีก่อน และการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยใหม่ๆ ของภาครัฐ ทำให้กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อย่างสนามบิน AOT (ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท) สายการบิน BA (ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท) และ AAV (ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท) และภาคบริการ SPA (อยู่ระหว่างประเมินราคาใหม่) ก็มีความน่าสนใจในการเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปีนี้จะออกมาดี