ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 38,461.51 จุด ลดลง 422.16 จุด หรือ -1.09%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,160.64 จุด ลดลง 49.27 จุด หรือ -0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,170.36 จุด ลดลง 136.28 จุด หรือ -0.84%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% และสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนก.พ.
ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ร่วงลงทันที หลังจากตัวเลข CPI ล่าสุดบ่งชี้ว่าหนทางที่เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% นั้นยังคงไม่ราบรื่น และจะทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ตัวเลข CPI ที่สูงเกินคาดส่งผลให้เกิดแรงเทขายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.5% และฉุดดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ ดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.ปีนี้
ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.47% แตะระดับ 15.80 จุด หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 16.43 จุด
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 19-20 มี.ค.ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลว่าเงินเฟ้ออาจจะไม่ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะเวลาอันใกล้ และแสดงความเห็นว่าเฟดอาจจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนได้เลื่อนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปเป็นเดือนก.ย. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 16.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 56% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI และให้น้ำหนัก 46.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 33.7% ก่อนหน้านี้
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 4.1% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.4% หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลงกว่า 2% หุ้นเจพีมอร์แกน ปรับตัวลง 0.8% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.2% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.9%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐ พร้อมกับจับตารายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2567 ของธนาคารรายใหญ่ในวันศุกร์นี้ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป