จากเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 8,178 ราย จำนวน 1,164,974,329 หุ้น คิดเป็น 61.03% ของผู้ร่วมเข้าประชุมทั้งหมด ผู้เข้าร่วมประชุมได้สอบถามเกี่ยวกับการตั้งสำรองลูกหนี้รายใหญ่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD รวมถึงการยื่นไลเซนส์ในการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) และการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยในที่ประชุมผู้ถือหุ้นว่า กรณีบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เป็นลูกค้าของธนาคารมาหลายปี มั่นใจว่า ITD สามารถจะดำเนินธุรกิจได้ต่อในอนาคต เพราะ ITD มีขีดความสามารถสูง ขณะนี้ธนาคารได้มีการเข้าช่วยเหลือ ITD ในเรื่องของสภาพคล่อง เพื่อให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ และได้มีการตั้งสำรองกรณี ITD เรียบร้อยแล้วในระดับที่เหมาะสม
"ธนาคารได้มีการตั้งสำรองโดยรวม ในระดับที่เพียงพอกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมกับติดตามลูกหนี้ในกลุ่มต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ภายใต้การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 3%" นายชาติศิริ กล่าว
ส่วนกรณีการยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา ( Virtual Bank) ในส่วนของธนาคารกรุงเทพ มองว่า ผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านการเงินที่มีอยู่ครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ธนาคารมีแผนที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับธนาคารรายใหม่ในรูปแบบ Virtual Bank ได้
"การยื่นขอไลเซนส์ Virtual Bank ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่ากับการมี Virtual Bank มองว่าจะช่วยให้ลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้นทางธนาคารจึงยังไม่ได้มีการตัดสินใจเรื่อง Virtual Bank ในขณะนี้"
ที่ประชุม ฯ ยังได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2566 สำหรับหุ้นสามัญ ในอัตราหุ้นละ 7.00 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,361,900,258 บาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ 35.60% โดยเป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสะสม ซึ่งธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 2.00 บาท และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 5.00 บาท ในวันที่ 10 พ.ค.2567 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 23 เม.ย.2567
ด้านนางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผย ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2567 ว่า ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้รายใหญ่ กรณีของ ITD เป็นที่เรียบร้อยแล้วตามการจัดชั้นของลูกหนี้ดังกล่าว ส่วนระยะถัดไปจะติดตามการดำเนินธุรกิจอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นด้านงบการเงิน หรือข้อมูลอื่น ๆ รวมถึงธุรกรรมต่าง ๆ ที่มีอยู่กับธนาคารประกอบกัน และไม่เพียงแต่รายนี้ ธนาคารยังติดตามดูแลกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่โดยรวมด้วยเช่นกัน
"ลูกค้าทุกกลุ่มมีความสำคัญกับธนาคาร แต่ในช่วงนี้เป็นที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นของลูกค้า หรือธนาคารพาณิชย์ต้องเลือกลูกค้าที่ไปต่อได้ ซึ่งในทุกกลุ่มจะมีลูกค้าแบบนี้ ขณะที่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบหรือกลุ่มเปราะบาง ยังให้ความดูแลอยู่เช่นเดิม ส่วนกรณีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ซึ่งธนาคารเป็นหนึ่งในเจ้าหนี้ ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนฟื้นฟู โดยมีกำหนดการพิจารณาแผนฟื้นฟูในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นี้ "
สำหรับการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ทางธนาคารได้พิจารณาถึงเกณฑ์ในการจัดตั้ง Virtual Bank รวมถึงได้หารือกับคณะจัดการคณะกรรมการในเรื่องดังกล่าวแล้ว ณ เวลานี้ยังไม่มีพันธมิตรใดที่จะร่วมมือในการจัดตั้ง Virtual Bank
อย่างไรก็ตามธนาคารมองถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ หากมีสิ่งไหนที่จะตอบโจทย์ของลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น Virtual Bank หรือไม่ ธนาคารก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อไป
ITD มั่นใจมีโอกาสคว้างาน - แบงก์อัดฉีดสภาพคล่อง
นายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล เลขานุการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เปิดเผยข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ระบุว่า บริษัทฯ ยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและโอกาสที่จะได้รับงานโครงการก่อสร้างขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่ทางภาครัฐและเอกชนอยู่ระหว่างการประกาศจัดซื้อจัดจ้างเป็นจำนวนมาก ได้แก่ งานสร้างถนน ทางด่วน รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง การขยายสนามบิน ทั้งในปริมณฑลกรุงเทพและต่างจังหวัดหลัก อาทิเชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่เป็นต้น เนื่องจากบริษัทฯ มีประสบการณ์และผลงานในอดีตที่สามารถแข่งขันได้ทุกประเภท
ส่วนเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องสภาพคล่องของบริษัทฯนั้น ที่ผ่านมาบริษัทฯได้เจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้เกี่ยวกับ 2 เรื่องคือ เรื่องหุ้นกู้ซึ่งทางผู้ถือหุ้นกู้ให้ขยายระยะเวลาการชำระคืนไป 2 ปี ทำให้สภาพคล่องในส่วนนี้ดีขึ้น และเรื่องเงินทุนหมุนเวียนที่บริษัทฯ กำลังเจรจากับทางกลุ่มธนาคารเพื่อที่จะขอวงเงินสินเชื่อเพื่อมาหมุนเวียนในการดำเนินโครงการต่อไป มีความคืบหน้าที่ดี และคาดว่าน่าจะได้บทสรุปในไม่ช้านี้
ทั้งนี้ยืนยันว่าปัญหาสภาพคล่องในปัจจุบัน ไม่ส่งผลกระทบต่อการประมูลงานภาครัฐในอนาคต โดยยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินในการออกหนังสือค้ำประกันการประมูลงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นงานภาครัฐงานภาคเอกชนบริษัทฯ
"ยืนยันได้ว่าวงเงินที่จะได้รับนั้นเพียงพอให้บริษัทฯ นำไปใช้ดำนินโครงการในมือของบริษัทฯ ที่มีมากกว่า 100 โครงการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ทางธนาคารยังสามารถให้วงเงินสำหรับการประมูลงานใหม่ เพื่อให้บริษัทมีโครงการเพิ่มเติม และทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น เมื่อประกอบกับการลดต้นทุนของบริษัทแล้ว จะทำให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงมากขึ้น"