กูรูชี้ พนันฟุตบอลยูโรฉุดสภาพคล่องตลาดทุนไทย ชู MINT-CBG รับอานิสงส์

06 มิ.ย. 2567 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มิ.ย. 2567 | 10:21 น.

โบรกฉายภาพการแข่งขันฟุตบอล UEFA EURO 2024 อาจฉุดสภาพคล่องตลาดหุ้นไทย คนหันไปเล่นการพนันบอลมากกว่าลงทุนหุ้นในช่วงตลาดทุนซบเซา ชู MINT-CBG ได้รับอานิสงส์ จากการท่องเที่ยวยุโรป และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุน กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า จากประเด็นการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 (UEFA EURO 2024) ครั้งที่ 17 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มิ.ย. - 15 ก.ค. 2567 โดยเยอรมนีเป็นเจ้าภาพ มีทีมฟุตบอลที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 24 ทีม ซึ่งได้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยสนับสนุนการถ่ายทอดฟุตบอลยูโร 2024 ในครั้งนี้ เพื่อให้ให้ประชาชนชาวไทยกว่า 60 ล้านคน ได้รับชมการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก

มองว่าการถ่ายทอดสดภายใต้เงื่อนไขของ บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด (Aerosoft) ในฐานะผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสด ยังไม่ชัดเจนว่า นอกเหนือจากช่องทางของ PPTV ซึ่งเป็นช่องหลัก (มีความคมชัดสูง) รองลงมาคือช่อง NBT (ความคมชัดอาจจะน้อยกว่าเนื่องจากไม่ใช่ระบบ HD) เเละการถ่ายทอดผ่านทางช่อง 9 แล้ว จะมีช่องทีวีดิจิทัลอื่นๆ ที่นอกเหนือจากนี้จะได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพิ่มเติมอีกมากน้อยแค่ไหน ทำให้ยังไม่เห็นภาพของการได้รับประโยชน์อย่างชัดเจนนัก

โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจาก UEFA EURO 2024 ได้แก่ MINT เนื่องจากมีโรงแรม NH Hotel อยู่ในยุโรป ซึ่งมองว่าในช่วงระหว่างที่มีการจัดการแข่งขันที่จะจัดขึ้นที่เยอรมนี จะช่วยหนุนยอดเข้าพักช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2567 ให้สูงขึ้น และทำให้อัตราราคาเฉลี่ยรายวันของโรงแรม (ADR) ขยับสูงขึ้นได้

นอกจากนี้ มองว่าการรับชมฟุตบอลส่วนใหญ่จะสร้างบรรยากาศให้มีความคึกคัก กลุ่มหุ้นเครื่องดื่มจึงอาจได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย โดยมองว่า CBG เด่นที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากในพอร์ตมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ขณะที่กลุ่มโทรคมนาคม มองว่า TRUE อาจได้รับอานิสงส์อยู่บ้าง แต่คงไม่มากนัก ส่วนกลุ่มการบินและสายการบินอย่าง AOT และ BA มองว่าได้รับอานิสงส์อยู่บ้างประปราย เพราะคาดว่าคงไม่ได้มีผู้ชมชาวไทยเดินทางไปยุโรปเพื่อเกาะติดขอบสนามมากมายขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงการจัดการแข่งขัน UEFA EURO 2024 อาจมีผลเชิงลบให้สภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง เพราะอาจเอาไปลงกับพนันบอลมากกว่าการลงทุนในหุ้น ที่ต้องยอมรับว่าสภาพตลาดฯ ในตอนนี้ก็มีความกระท่อนกระแท่นพอสมควร ส่วนหุ้นในตลาดหุ้นยุโรปจะได้รับอานิสงส์ หรือบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีการลงทุนในยุโรปอาจได้รับอานิสงส์ร่วมด้วยโดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับภาคบริการ การท่องเที่ยว โรงแรม และร้านอาหาร

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มหกรรมฟุตบอลยูโร หนึ่งในรายการฟุตบอลนานาชาติที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี ที่ชาวไทยเฝ้าติดตามสูงสุด จะเริ่มต้นอีกครั้งกลางเดือนมิถุนายน 2567 นี้ โดยทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลระดับโลก เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยจะเร่งขึ้นสูงถึงระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาท นับว่ามีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเวลามหกรรมที่สั้นราว 1 เดือน โดยมีสินค้าหลักที่ความต้องการพุ่งสูงขึ้นช่วงเวลา ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น

โดยจากการผลการศึกษาผลการเคลื่อนไหวอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกลุ่มสินค้าดังกล่าวในช่วงเวลาที่มีเทศกาลเกิดขึ้นย้อนหลัง 5 ครั้ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากกำลังซื้ออุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นในช่วงมหกรรมดังกล่าว อาทิ สื่อสาร โรงแรม ค้าปลีก และอาหาร ซึ่งให้ผลตอบแทน 7.2% 6.3% 4.5% และ 1.8% ในช่วงฟุตบอลยูโร 3 รอบ (ไม่รวมรอบที่มี Market Risk ในปี 2551 (Subprime Crisis) และ 2564 (COVID-19))

ขณะที่พบว่ากลุ่มอาหารระยะหลังที่ทยอยมีหุ้นเครื่องดื่มเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น แม้ในช่วงปี 2564 ที่ตลาดมีปัจจัยเสี่ยง Market Risk ยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ที่ +1.0% vs SET -5.3% โดยเชิงกลยุทธ์ ทางฝ่าย พบว่า หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวที่มักให้ผลตอบแทนเด่นชนะตลาดในช่วงเวลาที่มีเทศกาลฟุตบอลยูโรเฉลี่ย 15.3%-2.7% ถือเป็นชุดหุ้นที่มีความน่าสนใจและเหมาะกับการเก็งกำไรในรอบตลาดปัจจุบันที่กำลังตั้งฐานฟื้นตัว

ประกอบด้วย หุ้น CPALL ราคาเป้าหมาย 80 บาท, ADVANC ราคาเป้าหมาย 275 บาท, TRUE ราคาเป้าหมาย 10.3 บาท, MINT ราคาเป้าหมาย 42 บาท, BJC ราคาเป้าหมาย 33 บาท, HMPRO ราคาเป้าหมาย 15 บาท, GLOBAL ราคาเป้าหมาย 17.6 บาท, SAPPPE ราคาเป้าหมาย 125 บาท, DOHOME ราคาเป้าหมาย 12.3 บาท, OSP ราคาเป้าหมาย 26 บาท และ ICH ราคาเป้าหมาย 23.2 บาท เป็นต้น