ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เปิดเผยวันนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ตามที่มีข่าวเรื่องคุณสมบัติของ นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คนใหม่ ว่า มีส่วนเกี่ยวโยงกับบริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด เรื่องการสอบบัญชีกรณี STARK นั้น ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่า นายอัสสเดช ทำงานที่บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา จำกัด ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ สอบบัญชี จำกัด ที่เคยสอบบัญชี STARK
นอกจากนี้ นายอัสสเดช ยังได้เริ่มงานที่ "ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ที่ปรึกษา" เมื่อเดือน มิ.ย.2565 ซึ่ง "ดีลอยท์ ทู้ชฯ"ตรวจสอบบัญชีของ STARK มาก่อนหน้านั้นและหยุดตรวจตรวจสอบในพ.ศ.2564 ขณะที่ผู้สอบบัญชีของ STARK ในปี 2565 คือ PWC นั่นหมายความว่า ความสัมพันธ์กับนายอัสสเดชในการตรวจสอบบัญชีของ STARK จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
ด้านการถือหุ้นของนายอัสสเดช ไม่ใช่การลงทุนหรือถือครองหุ้นส่วนตัว เนื่องจากปกติ authorized director จะได้รับโอนหุ้นหลังแต่งตั้ง และเมื่อลาออกก็จะโอนออกให้ Partner คนอื่นตาม protocol ของบริษัท
"คุณอัสสเดชได้ยื่นใบลาออกจากที่ทำงานในช่วงเช้าของวันนี้ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือต้องโอนหุ้นออกและเคลียร์เรื่องลูกค้าต่างๆให้เรียบร้อยก่อนมาร่วมงานที่ ตลท.ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ดังนั้น อย่าไปเชื่อข่าวสังคมออนไลน์ที่ทำโดยไม่มีความรับผิดชอบ ข่าวดังกล่าวทำให้คุณอัสสเดชเสียชื่อเสียงมาก" นายกิติพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯได้พิจารณาเรื่องคุณสมบัติหลังจากผ่านกระบวนการสรรหาและพิจารณาคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนและมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายอัสสเดช คงสิริ ให้ดำรงตำแหน่ง "กรรมการและผู้จัดการ" ตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 14
“ขั้นตอนต่างๆมีความโปร่งใส ถ้าถามว่ามีการสั่งมา คือต้องสั่งกรรมการทั้ง 10 คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นยังคงยืนยันว่ากระบวนการคัดเลือกกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯมีความโปร่งใสอย่างมาก” นายนายกิติพงศ์ยังกล่าวด้วยว่า โจทย์การทำงานของผู้จัดการ ตลท. โจทย์แรกคือ สร้างความเชื่อมั่น ถ้าความเชื่อมั่นมาจะสะท้อนภาพดัชนีหุ้นไทยเช่นกัน
“คุณอัสสเดชค่อนข้างมีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ด้านตลาดเงินและตลาดทุนระดับโลก ค่อนข้างมีความสามารถ ซึ่งผมเชื่อว่า จะขับเคลื่อนตลาดทุนได้ แม้ว่าจะเป็นคนนอกแต่ผมเชื่อว่าพนักงานตลท.จะให้ความร่วมมือ และกรรมการ ตลท.จะช่วยคุณอัสสเดชขับเคลื่อนตลาดทุนอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ ยังระบุว่า ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯคนใหม่ได้แสดงวิสัยทัศน์อันหนึ่งต่อคณะกรรมการ ตลท.ที่น่าสนใจอย่างมาก นั่นก็คือ อยากให้บริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในประเทศไทยทำแผน 3 ปี ว่าจะ Growth ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน(Return on Investment : ROI), อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์(Return on asset : ROA)ว่าจะมี Growth อย่างไร อย่างที่ทำทั้งในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี อาจจะมี Incentive หรือไม่ก็ต้องรอดูรายละเอียด
นอกจากนี้ นายอัสสเดชยังได้นำเสนอเรื่องจุดขายของตลาดหุ้นไทย และผู้ถือหุ้นรายยย่อยจะดูแลอย่างไร ฯลฯ
ส่วนการเข้ามาของนายอัสสเดชจะผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้หรือไม่นั้น นายกิติพงศ์กล่าวว่า “ต้องเข้าใจก่อนว่าตลาดหุ้นขึ้นด้วยปัจจัยต่างๆไม่เกี่ยวกับประธานบอร์ดหรือผู้จัดการ ตลท. ซึ่งผมก็อยากให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่พื้นฐานต้องดีด้วย ก็รับรองว่าต้องดีขึ้น และต้องทำให้ดีที่สุด”