เคาะราคาไอพีโอ CHAO ที่ 11.80 บาท/หุ้น เตรียมพรีเซล 1-3 ก.ค.นี้

28 มิ.ย. 2567 | 09:22 น.
อัปเดตล่าสุด :28 มิ.ย. 2567 | 09:31 น.

บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี หรือ CHAO เคาะราคา IPO ที่ 11.80 บาท/หุ้น เตรียมเปิดจองซื้อ 1-3 ก.ค.นี้ เดินหน้าระดมทุนเสริมแกร่งโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 อัพกำลังการผลิต พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 5 ราย

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ฯ จากสำนักงาน ก.ล.ต. ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) มีผลใช้บังคับแล้ว

โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญ CHAO จำนวนไม่เกิน 87.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ ล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ที่ระดับ 11.80 บาทต่อหุ้น โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 1-3 เดือนกรกฎาคม 2567 นี้ 

พร้อมกันนี้ ยังได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 5 ราย ประกอบด้วย

  1. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
  2. บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  3. บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  4. บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด
  5. บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น

CHAO มีความแข็งแกร่งในการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ถือเป็นผู้นำในกลุ่มขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเป็นผู้นำในตลาดข้าวตังและตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงข้อมูลรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan ในปี 2565 กลุ่มบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้งในตลาดข้าวตังและตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack)

มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 78.5% และ 57.2% ตามลำดับ อีกทั้ง CHAO ยังมีศักยภาพเติบโตผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกโอกาสและรับประทานได้ทุกวัน (Everyday Consumption) การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและฐานลูกค้าให้ครอบคลุม

รวมถึงการขยายไปสู่ตลาดระดับโลก สร้างแบรนด์เจ้าสัวให้เป็น Global Brand มองว่าจากพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน และความสามารถในการทำอัตรากำไร จะทำให้เจ้าสัวเป็นหุ้น IPO คุณภาพอีกหนึ่งบริษัท

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า บริษัทมีแผนลงทุนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้

  1. ก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 รวมทั้งลงทุนซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อรองรับการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานโฮลซัม ประมาณ 2,000 ตันต่อปี รองรับการขยายตลาดส่งออกในต่างประเทศในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่เนื้อหมู (Non-Pork)
  2. ขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานโฮลซัม โดยเพิ่มกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ประมาณ 770 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตข้าวตังดิบประมาณ 600 ตันต่อปี รวมทั้งผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ทะเลประมาณ 600 ตันต่อปี
  3. พัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation) และการปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) ในการผลิต และช่วยลดจำนวนพนักงานฝ่ายผลิต อาทิ เครื่องบรรจุอัตโนมัติ (Autopack) เป็นต้น รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมสำหรับจัดการทางด้านคำสั่งซื้อขายและระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาไลน์การผลิตสินค้าแครกเกอร์ธัญพืชให้เป็นแบบอัตโนมัติทั้งไลน์สำหรับโรงงานโฮลซัม และระบบตู้อบต่อเนื่องสำหรับสินค้าหมูแท่งสำหรับโรงงานเจ้าสัว
  4. ขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้โรงงานเจ้าสัวและคลังสินค้า โดยเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวข้าวตังภายใต้โรงงานเจ้าสัว ประมาณ 870 ตันต่อปี และเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป 125 ตันต่อปี รวมถึงเพิ่มชั้นวางวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย และพัฒนาระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (Warehouse Automation & Racking) เพื่อเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บสินค้า ประมาณ 2.5 เท่าจากระบบ Racking ในปัจจุบัน
  5. ลงทุนโครงการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 1, 2 และคลังวัตถุดิบ เพื่อช่วยประหยัดค่าพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งปรับปรุงระบบความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน

ปัจจุบัน CHAO มีการนำเอาผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในห้างค้าปลีกชั้นในกว่า 12 ประเทศ มีตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และออสเตรเลีย เป็นต้น โดยบริษัทมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ที่มีแนวโน้มการเติบโต และมีอัตราการทำกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่สูง พร้อมทั้งเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

ทั้งนี้ รายได้จากการส่งออกในปี 2564-2566 อยู่ที่ระดับ 216.2 ล้านบาท, 343.6 ล้านบาท และ 413.3 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบเฉลี่ยที่ 38.26% จากการเริ่มส่งออกขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากหนังปลาไปยังประเทศจีน รวมถึงมีการส่งออกผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ธัญพืช ภายใต้แบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” ให้กับห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายสาขาจำนวนมากในต่างประเทศ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังคงได้รับความสนใจและความนิยมในการเลือกทานอย่างต่อเนื่อง