ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS วันนี้ 26 ก.ค.2567 ณ เวลา 15.16 น. อยู่ที่ระดับ 4.18 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 2.34% จากราคาปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 4.28 บาท ในระหว่างเปิดการซื้อขายวันนี้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 4.44 บาท ก่อนที่จะย่อตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 4.14 บาท และมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 790.16 ล้านบาท
แม้ว่าวันนี้ 25 ก.ค.2567 ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาในคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว) ที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า กรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2
โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น โดยยืนตามศาลชั้นต้นให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ร่วมกันชําระเงินสด สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,348,659,232.74 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,199,091,830.27 บาท
และสำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 9,406,418,719.36 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงิน จำนวน 8,786,765,195.47 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาทบวกร้อยละ 1 ต่อปี
นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกผู้ฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุดไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในวันนี้ราคาหุ้น BTS จะยังไม่ตอบรับกับประเด็นดังกล่าว
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการณผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ กรุงเทพมหานคร และบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระหนี้ทั้งในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ย ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 มูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
แต่ดูเหมือนว่าราคาหุ้น BTS จะไม่ตอบรับต่อประเด็นดังกล่าว สาเหตุหลักๆ เป็นผลมาจากการชำระหนี้ส่วนค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 จะไม่ได้ถูกบันทึกเข้ามาเป็นกำไรพิเศษเพิ่ม และในส่วนนี้ทาง BTS ได้มีการบันทึกส่วนลูกหนี้อยู่แล้ว ทำให้แม้ว่าจะกรุงเทพมหานครจะมีการชำระหนี้มาก็ไม่สามารถทำให้ BTS พลิกกลับมามีกำไรได้
และเงินที่ได้รับจากการชำระหนี้มา BTS วางแผนที่จะนำไปใช้สำหรับคืนหนี้ อีกทั้งในส่วนของงบเดี่ยวยังมีผลขาดทุนสะสมอยู่ซึ่งคาดว่าจะมีการล้างผลขาดทุนในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้ ทำให้ไม่ว่าอย่างไร BTS ก็ยังไม่สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2567 นี้ได้ และคาดว่าจะกลับมาจ่ายปันผลได้ในช่วงต้นปี 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ BTS ปิดงบปีในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี (งบค่อมปี) ทำให้การจ่ายปันผลจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน 2568 เป็นต้นไป และในการกลับมาจ่ายปันผลในครั้งนี้ทางฝ่ายมองว่าอาจต่ำกว่า 2% ซึ่งยังไม่ใช่ในระดับที่มีความน่าสนใจเท่าไหร่นัก เนื่องจากยังมีผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูกดดันผลการดำเนินงานโดยรวมอยู่