*** ดูเหมือนเส้นทางเดินของหุ้นกลุ่มตัวเจ ทั้ง JMART JMT SINGER หรือตัวอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ “อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ยังเดินไปไม่สุดทาง เพราะนอกจากการขาดทุนสะสมที่ถือได้ว่า ยังทั่วตัว จนหาทางออกไม่ได้
ล่าสุดก็มีข่าวลือออนไลน์ออกมาว่า BTS อาจทนรับรู้การขาดทุน รวมไปถึงราคาหุ้นที่ร่วงลงทุกวันไม่ไหว และอาจตัดสินใจเฉือนทิ้งความเจ็บปวดที่ BTS ไม่ได้ทำ ด้วยการขายหุ้นกลุ่มตัวเจ ที่ถือเอาไว้ทั้งหมดออกไป เหมือนกับที่ยอมตัดใจขายหุ้นของ KEX ออกไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของหุ้นตระกูลเจ “อดิศักดิ์” ก็ยังต้องแสดงความมั่นใจให้เห็นว่า ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจไม่เปลี่ยน ภาพรวมธุรกิจในกลุ่มในปีนี้มีแต่ฟื้นตัวดีขึ้น และเชื่อว่า การเติบโตของกลุ่ม JMART จะดีขึ้น และพร้อมที่จะพลิกเทิร์นอะราวด์
เนื่องมาจาก JMT, Jaymart Mobile และ สุกี้ตี๋น้อย ส่งกำไรเข้ามาอย่างแข็งแรง แม้เกิดความกังวลในการจัดเก็บหนี้ของ JMT สถานการณ์ในปัจจุบันยังทำได้ปกติโดยที่ไม่มีปัญหา ส่วนจะเป็นจริงตามที่ “อดิศักดิ์” พูดไว้หรือไม่ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้กันแล้วค่ะ
*** หุ้นอีกตัวที่เจ๊เมาธ์ดูแล้ว น่าจะอาการหนักก็เป็นทางฝั่งของ SABUY ที่ตอนนี้ราคาหุ้นหน้ากระดานปรับราคาลงมา จนเกือบจะไม่เต็มบาทเข้าไปทุกที ก่อนหน้านี้ก็เป็นเรื่องที่ทางอดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “ชูเกียรติ รุจนพรพจี” ที่ได้ถอดใจลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท รวมไปถึงทยอยขายหุ้นของ SABUY ออกมาในทุกครั้งที่มีโอกาส
ปัญหาที่ “ชูเกียรติ” ทยอยขายหุ้นออกมาต่อเนื่องเช่นนี้ ก็เป็นการกดราคาหุ้นไปไหนได้ไม่ไกล แม้ว่าต่อมา SABUY จะประกาศเพิ่มทุนอีก 2,510 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 4,571,370,366 บาท พร้อมทั้งขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับกลุ่มทุนใหม่ ซึ่งนำโดย “ชัชวาลย์ เจียรวนนท์” ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ราคาหุ้นของ SABUY ก็ควรจะหยุดอยู่ที่ราคา 2.30 บาทได้ โดยที่ไม่น่าจะมีปัญหา ว่าแต่ทำไมราคาหุ้นของ SABUY ยังร่วงลงแบบไม่หยุดเช่นนี้
อย่างแรก เจ๊เมาธ์ มองว่า ปัญหาอาจจะมาจากเรื่องของการเพิ่มทุนขึ้นมาเกือบเท่าตัว อาจจะทำไม่ได้จริง เนื่องจากยิ่งทิ้งเวลานานออกไป ทั้งข่าวการเพิ่มทุน และข่าวของกลุ่มทุนไม่กลับ ดูเหมือนจะเงียบหายเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหากการเพิ่มทุนเกิดขึ้นไม่ได้ เงินที่จะเอามาใช้หนี้ทั้งดอกและต้น ไม่ว่าจะเป็นหนี้สถาบันการเงิน หรือ หนี้หุ้นกู้ ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้แน่นอน
อย่างสอง เป็นคำถามที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขอให้บริษัท SABUY ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาส 1/67 เนื่องจากผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตถึงความไม่แน่นอน ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งในประเด็นหลักที่ทำให้สถานภาพทางธุรกิจของบริษัทฯ มีแต่ข่าว แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวในทางที่ดีขึ้นเช่น 1-2 ที่ผ่านมา
แน่นอนว่า หุ้นอย่าง SABUY เป็นอีกหนึ่งหุ้น ที่เจ๊เมาธ์มองอย่างไม่ไว้วางใจตลอดมา ดังนั้น ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาต่ำมากแล้ว ก็อย่าเพิ่งไปยุ่งนะคะ ใครจะไปรู้ว่างานนี้ที่ว่าต่ำแล้ว ก็อาจจะมีต่ำอีกก็เป็นได้ค่ะ
*** ส่วนทางฝั่งของ JKN ที่ถูกขึ้น SP นับตั้งแต่ไม่สามารถที่จะแจ้งผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1/67 โดยส่วนตัวของเจ๊เมาท์มองว่า เรื่องนี้อาจกำลังกลายเป็นเกมที่ทางผู้บริหารของ JKN ได้วางแผนเอาไว้แล้วนับตั้งแต่ได้เข้าไปอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ
อย่างแรก ก็เป็นเพราะข่าวที่มีในตอนนี้ และจะมีในอนาคต ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของแผนฟื้นฟูและการฟื้นฟู ดังนั้น จึงเป็นการดีกว่าถ้าจะปล่อยให้ราคาหุ้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
อย่างที่สอง เป็นเรื่องของผลการดำเนินงานของบริษัท ที่อาจจะยังมีปัญหา จนไม่สามารถที่จะสรุปออกมาเป็นตัวเลข ที่ทั้งผู้ทำบัญชี และผู้บริหารจะตกลงกันได้
งานนี้ไม่รู้ว่าทางผู้บริหารของ JKN จะเจ็บปวด หรือ พอใจ กับสถานะของหุ้นที่ไม่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ คนที่เจ็บก็น่าจะเป็นนักลงทุนที่ไปรับหุ้นตัวนี้มา...ไม่รู้ว่าจะเจ็บไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ จำไปนานแน่นอนค่ะ