ศาลแพ่งใต้รับฟ้อง “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” คดี STARK เพิ่มอีก 1 สำนวน

31 ก.ค. 2567 | 10:19 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ก.ค. 2567 | 10:32 น.

ศาลแพ่งใต้ รับฟ้อง “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” จากกลุ่มผู้เสียหาย ที่รวมกันฟ้องเรียกค่าเสียหายคดี STARK เพิ่มอีก 1 สำนวน

วันที่ 31 กรกฎาคม ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลนัดฟังคำสั่งในคดีที่กลุ่มผู้เสียหายหุ้นกู้ STARK กลุ่มห้องตัวจริงยื่นฟ้องแพ่ง ฐานละเมิด นายนันทวัฒน์ สำรวญหันต์ ผู้สอบบัญชี และบริษัทดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ ในคดีหุ้นกู้ STARK รุ่น 239A และ 249A โดยขอดำเนินคดีแบบกลุ่มต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้

โดยนัดฟังคำสั่งวันนี้ มีนายจิณณะ แย้มอ่วม เป็นทนายความผู้ดำเนินคดี พร้อมกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 60 กว่าคนเดินทางมาติดตามคำสั่ง

ศาลแพ่งใต้รับฟ้อง “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” คดี STARK เพิ่มอีก 1 สำนวน

คดีได้ความตามทางไต่สวนว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะสมาชิกของกลุ่มบุคคลที่ซื้อหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งชี้ชวนให้ซื้อหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ชุดที่ 1, 2 แล้วมีผู้ซื้อหุ้นกู้ประมาณ 1,000 คน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชีหรืองบการเงินของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวน

โดยโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองจัดทำข้อมูลอันเป็นเท็จ ตกแต่งงบการเงินของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นเหตุให้โจทก์และกลุ่มบุคคลที่ซื้อหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายจากการหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าวแล้วลงทุนซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวแต่ไม่ได้รับเงินต้นคืนพร้อมกับผลประโยชน์อันควรจะได้ และขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายแก่โจทก์และสมาชิกของกลุ่มตามจำนวนเงินต้นที่ซื้อหุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดในใบหุ้นกู้และหนังสือชี้ชวน

ศาลแพ่งใต้รับฟ้อง “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” คดี STARK เพิ่มอีก 1 สำนวน

ดังนั้น สภาพข้อหา คำขอบังคับ รวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์และของกลุ่มบุคคลดังกล่าวจึงเป็นการเรียกร้องความเสียหายที่มีลักษณะเดียวกัน และถือได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลจำนวนมาก หากดำเนินคดีอย่างคดีสามัญจะทำให้เกิดความยุ่งยากและไม่สะดวก การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีอย่างคดีสามัญ

นอกจากโจทก์จะแสดงให้เห็นซึ่งสิทธิการเป็นสมาชิกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียแล้ว โจทก์ยังแสดงให้เห็นว่าทนายโจทก์มีประวัติ ประสบการณ์ ความเข้าใจและบทบาทหน้าที่ของทนายโจทก์ในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม จึงน่าเชื่อว่าโจทก์และทนายโจทก์สามารถดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม จึงอนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ โดยกำหนดขอบเขตของสมาชิกกลุ่มคือกลุ่มบุคคลที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชุดที่ 1 และชุดที่ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มได้ภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 222/12 จึงให้รอไว้สั่งคำฟ้องเมื่อคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มถึงที่สุดแล้ว หากพ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คำสั่ง ให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทำรายงานเสนอศาลเพื่อพิจารณาสั่งคำฟ้องต่อไป

สำหรับกลุ่ม STARK ตัวจริง โดยทนายจิณณะ แย้มอ่วม ยื่นฟ้องในกรณีความเสียหายหุ้นกู้ STARK เป็น 3 คดี

คดีหมายเลขดำที่ พ.1527/2566 ยื่นฟ้องวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ยื่นฟ้องกรรมการ 5 คนของบริษัทสตาร์ค ประกอบด้วย นายวนวัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายศรัทธา จันทรเศรษฐลิศ, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม โดยขอให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากหุ้นกู้ STARK ทุกคน (4,692 คน) ซึ่งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งอนุญาตให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่ม

ศาลแพ่งใต้รับฟ้อง “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” คดี STARK เพิ่มอีก 1 สำนวน

คดีหมายเลขดำที่ พ.861/2567 ยื่นฟ้องวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ฟ้องแพ่งนายนันทวัฒน์ สำรวญหันต์และบริษัท Deloitte ในคดีหุ้นกู้ 3 รุ่น STARK 245A, 255A และ 252A ศาลนัดไต่สวน 26 สิงหาคม 2567

คดีหมายเลขดำที่ พ.1715/2566 ฟ้องเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ยื่นฟ้องผู้สอบบัญชี นายนันทวัฒน์ สำรวญหันต์ และบริษัท Deloitte ในคดีหุ้นกู้ 2 รุ่นคือ STARK 239A และ STARK 249A และศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้เป็นการดำเนินคดีแบบกลุ่มในวันนี้