กำไรสุทธิหุ้นกลุ่มพลังงานแตะ 5.75 หมื่นล้าน PTTEP TOP SPRC GPSC ติดโผดาวเด่น

04 ส.ค. 2567 | 07:30 น.

ลุ้นกำไรสุทธิรวมหุ้นกลุ่มพลังงานในไตรมาส 2/67 ยืนที่ 5.75 หมื่นล้าน ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ชู PTTEP TOP SPRC เด่น ขณะที่ด้วยราคาก๊าซลดลง หนุน GPSC กำไรแกร่งสุดในไตรมาส 2-3/67

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2567 ของกลุ่มพลังงาน 8 บริษัทที่ให้คำแนะนำอยู่ที่ 5.75 หมื่นล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 12% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 32% จากไตรมาสก่อน

โดยในมุมจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนนั้น IRPC กำไรลดลงมากสุดตามส่วนต่างที่ลดลงตามมาด้วย PTT กดดันโดยธุรกิจก๊าซและโรงกลั่น-เคมี

ในทางตรงข้าม BANPU และ SPRC กำลังจะเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งสุด ส่วนด้านจากไตรมาสก่อนนั้น กลุ่มโรงกลั่นกำไรจะลดลงมากที่สุดตามมาด้วย PTT ในขณะที่ กลุ่มพลังงานต้นน้ำ BANPU และ PTTEP กำไรเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/2567 คาดกำไรหลักในภาพรวมจะยังลดลงจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน จาก BANPU และกลุ่มโรงกลั่น แต่ PTTEP จะปรับตัวขึ้นบริษัทเดียว ในด้านจากไตรมาสก่อน ภาพรวมจะเห็นการฟื้นตัวนำโดย PTT และกลุ่มโรงกลั่น

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ของ BANPU IRPC OR ลง แต่มีการปรับกำไรของ PTT เพิ่มขึ้น ตามการปรับกำไร PTTEP ทั้งนี้ ทางฝ่ายชอบ PTTEP และ TOP มากสุดในกลุ่ม และมองโอกาสซื้อเก็งกำไร SPRC จากการเข้าสู่ไฮซีซัน

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดว่ากำไรปกติของ GPSC ในไตรมาส 2/2567 จะโดดเด่นสุดในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ทางฝ่ายวิเคราะห์ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 469% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 83% จากไตรมาสก่อน เป็น 1.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก

  1. คาดว่าราคาก๊าซจะลดลง 29% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อน
  2. ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 12% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ10% จากไตรมาสก่อน ซึ่งขายให้กับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรม

ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเพียง 14% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และคงที่จากไตรมาสก่อน โดย GPSC ยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2-3/2567 จะแข็งแกร่งจากสัญญาณที่ชัดเจนว่าราคาก๊าซจะลดลง

หากไม่รวมรายการพิเศษ ทางฝ่ายคาดว่ากำไรปกติโดยรวมของทั้งกลุ่มในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ที่ 9.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ19% จากไตรมาสก่อน โดยปัจจัยที่ทำให้เพิ่มขึ้นจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และจากไตรมาสก่อน น่าจะมาจาก

  • การเติบโตของกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาส 2/2567 ที่ 54% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 27% จากไตรมาสก่อน จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 21% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 7% จากไตรมาสก่อน
  • การเติบโตของกำไรสุทธิของ GPSC ในไตรมาส 2/2567 ที่ 469% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และ 83% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาก๊าซที่คาดว่าจะลดลงและปริมาณการขายให้แก่ผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น

ทางฝ่ายมั่นใจว่าราคาก๊าซจะยังคงมีแนวโน้มลดลงตลอดปี 2567 นี้ แต่จะมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากการใช้ราคาก๊าซแบบราคากลางเดียว (single pool) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาก๊าซลดลง 7 บาท/mmbtu โดยราคาแบบ single pool นี้จะมีการใช้เต็มรูปแบบในไตรมาส 2/2567 และจะมีผลย้อนหลังจากไตรมาส 1/2567 ซึ่งผลกระทบเต็มรูปแบบในไตรมาส 1/2567 จะสะท้อนในผลประกอบการของไตรมาส 2/2567

ทางฝ่ายยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากความเสี่ยงจากนโยบายน่าจะจำกัด โดยทางฝ่ายคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 นี้ และจะกลับสู่ระดับปกติ (ระดับก่อนปี 2565) นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มอัตรากำไรของผู้ผลิตไฟฟ้าในปี 2567-2568 ประกอบกับทางฝ่ายยังคาดว่าผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศจะลดลงหลังจากการวงจรการลดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นขึ้น