นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ KCC เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 44% จากไตรมาสก่อนหน้า ที่มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท ส่งผลให้งวดครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท
เป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานรวม โต ขึ้นโดยไตรมาส 2 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 50 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16%จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 43 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 32% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 38 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีมีรายได้ 92 ล้านบาทเพิ่มขึ้น7% เทียบงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 86 ล้านบาท
นายทวี กล่าวว่า ไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีเงินรับรวม 116 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก NPL คิดเป็นสัดส่วน 77% ของเงินรับทั้งหมด โดยสัดส่วนเงินรับจาก NPA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมียอดขาย NPA เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดเก็บหนี้ของบริษัทฯ ทั้ง NPL และ NPA โดย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เงินรับรวมเพิ่มขึ้น 9% หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท
แม้ว่าในไตรมาสนี้จะไม่มีเงินรับจากธุรกิจให้บริการบริหาร NPL แต่จะเห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทมีเงินรับจากธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท คือ รับชำระหนี้ และขาย NPA ได้มากขึ้นในสัดส่วน 5% และ 238% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เงินรับทั้งจาก NPL และ NPA เพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทั้งจากการรับเงินจากการขายหลักประกันในกรมบังคับคดี รับเงินจากสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการขาย NPA
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนหนี้ NPLต่อเนื่อง เพื่อ ขยายพอร์ตลูกหนี้ NPLs ไตรมาส 2/2567 บริษัทฯลงทุนซื้อ NPL เพิ่มขึ้นจำนวน 412 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทฯลงทุนในพอร์ตใหม่แล้วทั้งสิ้น 463 ล้านบาท ทำให้ ณ มิถุนายน 2567 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทฯ ทะลุ 2,000 ล้านบาท
ขณะที่สินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 2,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 จำนวน 419 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% โดยมีสาเหตุหลักมาจาก พอร์ตลงทุน NPL เพิ่มขึ้น 322 ล้านบาท หรือ 17% จากบริษัทซื้อลูกหนี้เพิ่มขึ้น 463 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการปิดบัญชีลูกหนี้ในงวดจึงมีการลดลงของ NPL บางส่วน และการเพิ่มขึ้นของทรัพย์รอการขาย (NPA) เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท หรือ 54% เนื่องจากมีการรับโอนทรัพย์สินรอการขายที่เกิดจากการประมูลซื้อหลักประกันของลูกหนี้ในกรมบังคับคดีในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น