นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เผยถึงแนวโน้มการลงทุนไตรมาสที่ 4/67 นี้ ว่า คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถแกว่งทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 แม้ Upside จะเริ่มถูกจำกัดจาก Valuation ที่สูงขึ้น
แต่คาดว่า Downside ก็จะถูกจำกัดจากสภาพคล่องที่เอ่อล้นจากหลายทิศทางด้วยกัน โดยประเมินกรอบแนวต้านของ SET Index ที่ระดับ 1480 และ 1520 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1400 และ 1370 จุดตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุนนั้น Stock selection จะยังคงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการลงทุนไตรมาสที่ 4 นี้ แนะนำหุ้นกลุ่ม Domestic cyclicals ที่อิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ อาทิ กลุ่มค้าปลีก อสังหาฯ ไฟแนนซ์
เนื่องจากคาดหวังปัจจัยกระตุ้นทางด้านนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลน่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมกับการเข้าสู่ช่วงเทศกาล และ Upside surprise ที่อาจเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงถัดไป
ขณะที่กลุ่ม Global cyclicals ที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกนั้น แม้ Valuation ของหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน เนื่องจากไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้ามากนัก
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือนตุลาคม 2567 นั้น คาดตลาดหุ้นไทยจะยังคงทรงตัวได้ แม้ Valuation จะทรงตัวในระดับสูงแล้วก็ตาม เนื่องจาก ณ ขณะนี้โมเมนตัมของ Sentiment, Flows และ Liquidity ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และในเดือนนี้จะมีสภาพคล่องจากกองทุนวายุภักษ์มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท ที่จะเป็นตัวช่วยพยุงภาพของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ
เดือนตุลาคมตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะผันผวนมากขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหน้าการเลือกตั้ง และคะแนนนิยมของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างนาง Kamala Harris ดูเหมือนจะขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจทำให้ความกังวลต่อประเด็นสงครามการค้าลดลงชั่วขณะ และความกังวลต่อการปรับเปลี่ยนอัตราภาษีในสหรัฐฯ ที่อาจกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
ปัจจัยเหล่านี้มีผลทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่มีโอกาสปรับตัว Outperformตลาดหุ้นพัฒนาต่อหลังจากที่ในเดือนกันยายน ได้ปรับตัว Outperform ขึ้นมาแล้วจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องขนานใหญ่ของธนาคารกลางจีน และ ปรากฏการณ์ USD carry trade ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ Fed มีการลดดอกเบี้ยนโยบายในระดับ 0.50%