ค่าเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ที่ 34.50 ก่อนจะกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 34.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทและสกุลเงินเอเชียในภาพรวมอ่อนค่าลงต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้ เงินบาทน่าจะมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ แม้นักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิหุ้นไทย 479 ล้านบาท แต่ก็อยู่ในฝั่งขายสุทธิพันธบัตรไทยถึง 6,119 ล้านบาท ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 3 มกราคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -20.59 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -17.12 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (6-10 ม.ค. 2568) ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.90-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. ของไทย สัญญาณเงินทุนต่างชาติ
ทิศทางเงินหยวนและราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคบริการ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนรายงานโดย ADP ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. 2567 ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนพ.ย. 2567 บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 17-18 ธ.ค. 2567 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการเดือนธ.ค. 2567 ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค. 2567 ของยูโรโซน รวมถึงสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเช่นกัน