นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3 ตามการประเมินของ Consensus จำนวน 7 แบงก์หลักที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ประกอบด้วย KBANK SCB KTB BBL KKP TTB และ BAY คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.17 หมื่นล้านบาท ลดลงประมาณ 4% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะเป็นโลวซีซันของธุรกิจ แต่เติบโต 2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งก็ไม่ได้เหวี่ยงมาก
นขณะที่ยอดการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 3/67 อาจไม่มีการเติบโต แต่ NPLs สามารถรักษาระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าไว้ได้ และคาดว่าจะกลับมาอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 4/67 ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มที่จะทรงตัว หรือปรับตัวลดลงเล็กน้อย และจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นในปี 68
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์ในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วในระดับหนึ่ง แต่ในปัจจุบันราคาก็ยังไม่ได้แพงมาก แม้ว่าผลการดำเนินงานอาจไม่ได้ขยายตัวโดดเด่นเมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่กลุ่มแบงก์ก็ยังเป็นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เพราะมีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างสูงทั้งแบงก์เล็กและใหญ่ และจ่ายสูงกว่าตลาด
"ด้วยภาวะดอกเบี้ยที่เป็นขาลงคนไปหาหน้าหุ้นที่ Lock Yield สูงๆ แม้ว่าแบงก์จะบาดเจ็บจากการลดลงของ NIM กระทบต่อมาร์จิ้น แต่แบงก์ก็ยังมีความน่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่ตอบโจทย์เงื่อนไขของกองทุนรวมวายุภักษ์ ที่ต้องการหุ้นมีแนวโน้มธุรกิจที่ดีและให้ปันผลสูง ส่วนกลยุทธ์นั้น มองว่าในระยะสั้นราคาหุ้นย่อตัวก็สามารถตั้งรับได้"