SCB เปิดกำไรไตรมาส 3 พุ่ง 1.1 หมื่นล้าน โต 13.22%

21 ต.ค. 2567 | 07:43 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2567 | 07:43 น.

SCB โชว์ฟอร์มเด่นกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 พุ่ง 1.09 หมื่นล้าน โต 13.22% จากปีก่อน ขณะที่ผลกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ หดตัว 0.9% จากค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียวในการยุติให้บริการแอปฯ Robinhood

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB รายงานกำไรไตรมาส 3/67 ว่า บริษัทมีกำไร 10,940.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 9,663.10 ล้านบาท รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 32,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ

ในขณะที่ยอดสินเชื่อโดยรวมลดลงเล็กน้อยในอัตรา 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มีจำนวน 9,985 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวน 17,606 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ไม่รวมผลกระทบจากการขายแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood อยู่ที่ 40.9%

บริษัทฯ ตั้งเงินสำรองลดลง 10.4% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาตร์ดังเช่นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพคงอยู่ในระดับสูงที่ 163.9%

คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 3.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 19.0%

สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกปี 67 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 32,527 ล้านบาท

การลดลงมีสาเหตุหลักจากการขาดทุนจากการขายบริษัท PPV ในไตรมาส 3/67 ค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจากการยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ในไตรมาส 2/67 และกำไรจากการลงทุนที่ลดลง และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ถึงแม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจะลดลง

โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิใน 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 96,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วนใหญ่จากการปรับตัวดีขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ 0.29% ถึงแม้ว่าสินเชื่อจะลดลง 0.9% จากปีก่อนหน้า ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ อยู่ที่ 30,490 ล้านบาท ลดลง 7.8%

ในส่วนของรายได้จากการลงทุนและการค้าอยู่ที่ 1,082 ล้านบาท ลดลง 74.4% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรจากการวัดมูลค่าตลาดของพอร์ตการลงทุนที่ลดลง และขาดทุนจากการขาย PPV ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น

ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 128,544 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน ใน 9 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 54,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ที่ 32,795 ล้านบาท ลดลง 4.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน 

ณ สิ้นเดือนก.ย.67 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) ตามงบการเงินรวมอยู่ที่ 94,586 ล้านบาท ลดลง 1.0% จากปีก่อนที่ 95,576 ล้านบาท และหดตัว 0.5% จากไตรมาสก่อนที่ 95,097 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) ลดลงเล็กน้อยเป็น 3.38% จาก 3.44% ณ สินเดือนธ.ค.66

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนิน ธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน

ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมกับสองธนาคารดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค ได้แก่ KakaoBank และ WeBank ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า Virtual Bank จะเข้ามาช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน อีกทั้งยังส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขายกิจการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนซึ่งนำโดยบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ภายใต้เจตนารมณ์ที่ต้องการส่งต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีของคนไทยเพื่อคนไทยต่อไป ทั้งนี้ การขายกิจการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการรักษาเงินที่รอบคอบ เพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน

อนึ่ง SCBX ได้ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ของประเทศไทยร่วมกับพันธมิตรทำงธุรกิจ KakaoBank และ WeBank นั้น ในเดือนก.ย.67 SCBX ได้ยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยจัดตั้งกลุ่มบริษัทร่วมกับ KakaoBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ และ WeBank ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลชั้นนำของจีน ประสบการณ์และความสามารถด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 พันธมิตร พร้อมกับตำแหน่งที่มั่นคงของ SCBX ในประเทศไทย จำช่วยให้ Virtual Bank ของ SCBX ประสบความสำเร็จในอนาคต โดยธปท. จะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน ในการพิจารณาในสมัคร และคาดว่าจะประกาศผู้ชนะในอนุญาต 3 รายภายในกลางปี 68