"อัสสเดช" ออกเทคแอคชั่น บจ.จำนำหุ้นต้องเปิดเผยข้อมูล

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดมุมมองต่อฐานเศรษฐกิจว่า หลังจากที่ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แล้ว สิ่งแรกที่จะดำเนินการหลังรับหน้าที่ คือ เรื่องของการสื่อสาร เนื่องจากมองว่าปัจจุบันมีคนที่ถูกหลอกให้ลงทุนและขาดทุนเป็นจำนวนมาก

จึงอยากจะพัฒนาการสื่อสารและการ Take action ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบอย่างรวดเร็วและรับทราบอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมกับนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำให้การสื่อสารของตลาดหลักทรัพย์สามารถสื่อไปถึงผู้ลงทุนได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ ทางตลาดหลักทรัพย์เองก็พยายามเรียนรู้ในการจัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีไปเป็นองค์กระกอบว่าต้องจัดเรียงตั้งแต่ต้นน้ำไปอย่างไรบ้าง ให้มีความพร้อมมากกว่าปัจจุบัน ส่วนวิธีการที่ทำให้ต้นน้ำมีความพร้อมมากกว่าปัจจุบันนั้น

มองว่า จริงๆ แล้วข้อมูลเชิงลึกอาจไม่ได้แตกต่างมาก แต่สิ่งสำคัญคือการจัดเรียงข้อมูลให้มันดูง่ายขึ้น ให้สามารถนำไปวิเคราะห์ได้สะดวกยิ่งขึ้น ให้องค์ประกอบที่จะส่งไปหน่วยงานต่อๆ ไป เขาเห็นภาพได้อย่างครบถ้วน

"ในเรื่องของการสื่อสารซึ่งกันและกัน มองว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการช่วยเร่งสืบสวนคดีต่างๆ ที่ผ่านมาอาจต้องมีการย้อนกลับมาถามเรื่องของการจัดข้อมูลเพิ่มเติม จัดข้อมูลอีกแบบหนึ่ง หรือต่างๆ อยู่ตลอด แทนที่จะย้อนกลับมาถามอีกรอบและอีกรอบ จะดีกว่าหรือไม่หากว่ามีการถามเพียงรอบเดียวแล้วสามารถดำเนินการได้เลย"

ประเด็นที่ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการทำงานแบบแยกส่วน (Siloed) หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ หน่วยงานกำกับถือว่าได้มีข้อมูลที่เป็นความลับส่วนบุคคล ความลับส่วนองค์กร ที่ต้องให้ความระมัดระวังในการเผยแพร่ เพราะงั้นจะเรียกว่าเป็น Siloed ก็คงไม่ใช่ เพราะทุกหน่วยงานก็ทำงานร่วมกันหมด เพียงแต่ว่าเราก็ต้องจัดการกระจายข้อมูลให้มีความระมัดระวัง

ส่วนคำถามที่ว่า มองเห็นจุดอ่อนตรงไหนในการดำเนินคดี ในการจัดการกับภาพรวม ที่บ้างครั้งมีความล่าช้าไม่ทันท่วงที ทำให้มีความรุนแรงมากกว่าที่คาด หรือน่าจะมีการจัดการได้เร็วกว่านี้นั้น สิ่งหนึ่งที่คิดว่าอยากจะให้ดีขึ้น คือ เรื่องของการสื่อสารที่อยากจะให้มีความรวดเร็วมากขึ้น

แต่เข้าใจว่ามีความคาดหวังจากนักลงทุนและประชาชนว่า ทำไมตลอดหลักทรัพย์ฯ ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่แอ็คชั่นเลย ซึ่งอันที่จริงแล้วด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีอำนาจในการจัดการ หรือบริหาร หรือเข้าไปมีแอ็คชั่นอะไร แต่ด้วยการสื่อสารให้ทุกคนรับทราบว่าเราเองก็รู้เรื่องแล้ว

และไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการมอนิเตอร์อยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ก็อาจจะช่วยสร้างความเข้าใจกับประชาชนและนักลงทุนได้ ซึ่งเรื่องอาจจะดำเนินไปได้ช้าก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ล่าช้า แต่เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้มีอำนาจใดที่จะเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายได้

"ยกตัวอย่าง เช่น หุ้น หรือกิจกรรมหลายๆ อย่าง อาจเกิดขึ้นที่นอกตลาดหุ้นไทย ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้การการดูแลของตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่น การที่ผู้บริหารหรือเจ้าของหุ้นมีการเอาหุ้นไปจำนำกับคนที่มีเงินจะปล่อยกู้ให้ อยู่ข้างนอกกรอบของตลาดฯ โดยเนื้อหา โดยนิติกรรม แต่ว่าก็ทราบว่ามันมีความคาดหวังอยากให้เห็นว่าตลาดฯ ออกมาแสดงอะไรบ้าง ซึ่งก็เชื่อว่าหลายคนคงรู้ว่าตลาดฯ เองก็ทำอะไรไม่ได้มาก แต่ว่าอย่างน้อยตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบแล้ว"

แม้ว่าประเด็นการจำนำหุ้นอาจเกิดขึ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็มีผลกระทบต่อราคาหุ้น สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญกับตลาดฯ มาตลอด คือ เป็นการเปิดเผยข้อมูล ถ้าเป็นข้อมูลที่นักลงทุนควรรับทราบ เป็นข้อมูลที่มีโอกาส หรือที่มีผลกระทบต่อการดำเนินการของธุรกิจนั้น ก็อยากจะให้นักลงทุนโดยรวมรับทราบ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง มีรายละเอียดเพียงพอ ในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้บุคคลทุกกลุ่มเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน (Fair Disclosure)

เข้าใจว่าตอนนี้ทางสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังพิจารณาอยู่ว่า ประเด็นการจำนำหุ้นจะทำอย่างไรให้สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เร็วมากขึ้น เพราะหากว่ามีความเสี่ยงในการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการธุรกิจ หรือ บจ. นั้นๆ นักลงทุนก็ควรจะทราบ ซึ่งในต่างประเทศก็มีการยังคับใช้เกณฑ์เรื่องการเปิดเผยข้อมูลนี้เช่นเดียวกัน

สำหรับแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 68-70) จะสามารถประกาศได้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 18 พ.ย.67 นี้เป็นต้นไป