ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 5 พ.ย. 67 ปิดตลาดที่ระดับ 1,481.67 จุด เพิ่มขึ้น 18.72 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 1.28% มีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 39,287.25 ล้านบาท โดยในช่วงระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,486.55 จุด และย่อตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,462.63 จุด
1. DELTA ราคา 148.50 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท เปลี่ยนแปลง 6.45% มูลค่าซื้อขาย 4,812.20 ล้านบาท
2. PTTEP ราคา 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท เปลี่ยนแปลง 3.15% มูลค่าซื้อขาย 2,000.27 ล้านบาท
3. BDMS ราคา 27.25 บาท ลดลง 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.91% มูลค่าซื้อขาย 1,665.85 ล้านบาท
4. GULF ราคา 66.25 บาท ลดลง 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.38% มูลค่าซื้อขาย 1,573.77 ล้านบาท
5. ADVANC ราคา 278.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท เปลี่ยนแปลง 2.21% มูลค่าซื้อขาย 1,411.21 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ที่กว่า 19 จุด มองว่าการดึงขึ้นของดัชนีเป็นแบบกระจุกตัว โดยหลักๆ เป็นผลมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหน้าหุ้น DELTA
และกลุ่มพลังงานที่ราคาหุ้นปรับตัวดีขึ้นสอดรับกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าแม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะวิ่งขึ้นไปได้กว่า 18-19 จุดในวันนี้ แต่มูลค่าการซื้อรวมกลับยังดูเบาบาง ราว 3-4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
ประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะได้บทสรุปในวันพรุ่งนี้ 6 พ.ย. 67 นั้น ส่วนตัวมองว่าท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าใครจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในระยะสั้นนี้ตลาดหุ้นทั้งตลาดไทยและต่างประเทศจะยังมีความผันผวน แต่เชื่อว่า SET Index จะทำได้ดี
ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อในช่วงปลายปีที่คาดว่าจะมีทยอยออกมาเพิ่ม ดังนั้นจึงมองว่า SET Index ในระยะถัดไปจะงมีความแข็งแรงกว่าตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนกระแสเงินทุนต่างชาติจะเห็นการไหลกลับเข้ามาแล้วหรือไม่นั้น ก็ต้องตอบตามตรงว่ายังคงคาดเดาได้ยาก โมเมนตัมต้องรอดูว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ โดยหากเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ คนจะมองปัญหาในเรื่องการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนที่เข้มข้นมากขึ้น รุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับกมลา แฮร์ริส
และมีโอกาสที่ราคาสินค้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า แม้ระยะสั้นอาจมีจังหวะที่ถูกขายทำกำไรค่าเงินบ้าง แต่เป็นการย่อตัวลงเพื่อไปต่อในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี มองส่าการมาของทรัมป์จะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชียมากกว่า และหากว่ากมลา แฮร์ริส ได้ขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ อาจมีเม็ดเงินไหลออกมาฝั่งตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาซื้อในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ดัชนีอยู่ระดับ 1,300 จุด ดังนั้นเมื่อตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ถึงจุดที่ต่างชาติจะขายทำกำไรออก อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายไม่ได้คาดหวังต่อการกลับเข้าซื้อของต่างชาติมากนัก เพราะในช่วงที่เหลือของปีนี้เม็ดเงินที่จะเข้ามาหนุนตลาดจริงๆ คือ กลุ่มสถาบันในประเทศและกองทุนต่างๆ
โดยทางฝ่ายวางเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 67 ไว้ที่ระดับ 1,500 จุด ซึ่งเป็นโซนของการตั้งรับ ส่วนกลยุทธฺการลงทุน มองว่ากลุ่มหุ้นธีม Domestic Play มีความน่าสนใจ เพราะในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสเห็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และกำลังการจับจ่ายใช้สอยใหม่ออกมาเพิ่มเติม
ประกอบด้วย หุ้นกลุ่มค้าปลีก แนะนำ CPALL รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น และ DOHOME แม้ว่าไตรมาส 3/67 ยอดขายต่อสาขาเดิมจะหดตัว แต่ในเดือน ต.ค. SSSG กลับมาเป็นบวกได้แล้ว ประกอบกับผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมมาสู่การซ่อมแซม ทำให้คาดว่าจะหนุนยอดขายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้เพิ่ม
หุ้นนิคมอุตสาหกรรม ในกลุ่มนี้จริงๆ เล่นได้ทั้ง AMATA ซึ่งมองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 จะออกมาดี ขณะที่ WHA ยอดขายที่ดีจะเติบโตสูงในช่วงไตรมาส 4/67 อีกทั้งยังมีสตอรี่ในระยะยาว รับอานิสงส์การย้านฐานทุนของต่างประเทศ ซึ่ง WHA มักจะได้ลูกค้ายักษ์ใหญ่เข้ามา
กลุ่มไฟแนนซ์ มองว่าการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง. ลง 1 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา จำทำให้ต้อนทุนทางการเงิน รวมถึงระดับหนี้เสีย (NPL) ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในกลุ่มนี้แนะนำหุ้นค้าปลีก SINGER ที่มีบริษัทลูกปล่อยสินเชื่อ คือ SGC ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทลูกที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การรับรู้ผลกำไรของบริษัทแม่ดีขึ้น
และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ด้วย Value ที่ต่ำ P/E 5 เท่า ไม่แพง อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่จ่ายปันผลสูงเฉลี่ยกว่า 6% จึงมองว่าเป็นกลุ่มที่ยังสะสมได้ โดยแนะนำ AP แม้ว่าในไตรมาส 3/67 ผลการดำเนินงานอาจไม่ได้ดีมากนัก เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แต่ในระยะถัดไปจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาครัฐฯ เข้ามาช่วยหนุน และคาดว่าผลงานไตรมาส 4/67 จะดีเพราะเข้าไฮซีซัน