รายงานข่าวจาก บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เผยว่า บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2567 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 1,048 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 275 ล้านบาท ลดลง 42% และมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 81 ล้านบาท ลดลง 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ จำนวน 3,053 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 957 ล้านบาท ลดลง 15% และมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 883 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้รายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจน้ำที่เวียดนามยังคงแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ได้รับปัจจัยลบจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วันที่ลดลงจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานยังคงแข็งแกร่ง โดยภาพรวมธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ในช่วงไตรมาส 3/2567 มีปริมาณยอดจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 42 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)
ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 มีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมด (ทั้งในประเทศและต่างประเทศ) 126 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในส่วนของปริมาณการจำหน่ายน้ำในประเทศมีการเติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปริมาณความต้องการใช้น้ำของลูกค้าใหม่ที่ได้เปิดดำเนินการณ์เชิงพาณิชย์ไปในช่วงก่อนหน้า
ส่วนของปริมาณยอดขายและบริหารน้ำในต่างประเทศ (เวียดนาม) ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำโครงการ Doung River จากการได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการขยายพื้นที่การให้บริการในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่
ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Doung River ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 72 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 2 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566
ด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) งวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากสัญญา Private PPA ทั้งสิ้น 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% (YoY) จากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดย ณ สิ้นปีไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มจำนวน 24 สัญญา กำลังการผลิตประมาณ 13 เมกะวัตต์
ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาโครงการ Solar Private PPA สะสมทั้งสิ้น 269 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ราว 944 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 697 เมกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 247 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ได้มีการเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มเติมโดยปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้วจำนวน 38 ตู้ชาร์จ สอดรับกับแผนการลงทุนใน Green Logistics แบบครบวงจรของ WHA Group
ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 218 ล้านบาท ลดลง 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2567 มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า จำนวน 685 ล้านบาท ลดลง 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่ลดลงจากการบันทึกต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง และการแข็งค่าของเงินบาทซึ่งทำให้ได้รับค่า energy payment ลดลง แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อัตรากำไรในส่วนของไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับภาพรวมของธุรกิจน้ำและไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา อาทิเช่น โครงการซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับอานิสงส์จากการลงทุนของกลุ่มลูกค้าใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA เช่น กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้น้ำและไฟฟ้าเป็นจำนวนมากในอนาคต โดยเฉพาะพลังงานสะอาด สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัทในการเดินหน้าต่อยอดการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ ๆ
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.060 บาท สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ