นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน)หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/2567 TK มีรายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 983.2 ล้านบาท ลดลง 21.6% จาก 1,254.5 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 30 ล้านบาท ลดลง 131.5% จากที่กำไร 95.2 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 รายได้รวม 288.4 ล้านบาท ลดลง 30.9% จาก 417.6 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิ 5.4 ล้านบาท ลดลง 118.1% จากที่มีกำไร 29.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน
ผลการดำเนินงานส่วนหนึ่งเกิดจากเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อลดลงอยู่ที่ 23% ตามที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศเรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2565
ด้านคุณภาพลูกหนี้ของบริษัทฯ ดี มีลูกหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 7.2% ซึ่งดีขึ้น เมื่อเทียบกับคุณภาพลูกหนี้สิ้นปี 2566
ส่วนสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในไตรมาส 3/2567 เศรษฐกิจไทยมีทิศทางขยายตัวจากไตรมาสก่อนตามการส่งออกสินค้าและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวสูงขึ้น หลัง พรบ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัว 2.7% จาก 1.9% ในปี 2566 ยอดส่งออกเดือน มกราคม-กันยายน 2567 ขยายตัว 8.6%
สำหรับภาคการท่องเที่ยวในเดือน มกราคม-กันยายน 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 21.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 30% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคาดว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 36 ล้านคน ส่งผลดีต่อรายได้ของแรงงานและภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยว
ขณะที่ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไตรมาส 3/2567 จำนวน 397,488 คัน ลดลง 13.3% จาก 458,369 คัน ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ 9 เดือนแรก ปี 2567 จำนวน 1,301,631 คัน ลดลง 11.0% จาก 1,462,207 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนยอดจำหน่ายรถยนต์ ไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 130,632 คัน ลดลง 27.7% จาก 180,739 คัน ยอดจำหน่ายรถยนต์ 9 เดือนแรก ปี 2567 มีจำนวน 438,659 คัน ลดลง 25.2% จาก 586,870 คัน จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี TK ได้ดำเนินกลยุทธ์ขยายพอร์ตสินเชื่อด้วยความระมัดระวังและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริหารต้นทุนต่างๆ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญคือยังคงเน้นการมีสถานะเงินสดให้พร้อมขยายธุรกิจได้ทันที
"ณ ไตรมาส 3/2567 TK มีเงินสดและเงินฝากที่ 2,948.5 ล้านบาท อีกทั้ง D/E ณ ไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 0.10 เท่า ซึ่งลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่ 0.15 เท่า"
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 2,210 ล้านบาท ลดลง 39.6% จาก 3,658.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566
สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 41.5% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยมาจากกัมพูชา มีลูกหนี้รวม 789.4 ล้านบาท ลดลง 31.5% จาก 1,152.3 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ สปป.ลาว มีลูกหนี้ 126.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% จาก 103.3 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
“ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มค่อย ๆ ปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยบวกต่าง ๆ รวมทั้งเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง ถึงแม้ไม่ลดกลับไปสู่ระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเช่นในอดีต ซึ่งจะช่วยให้ความต้องการสินค้าบริโภคอุปโภคทั้งในและต่างประเทศสูงขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยลบหลายด้าน เช่น อุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแรงสะท้อนจากการลงทุน แม้ว่ารัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนถึงไตรมาส 3/2567 หดตัวมากถึง 6.8% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เหตุสำคัญจากยอดขายที่ลดลงของกลุ่มยานยนต์ในประเทศ และจากภาวะอุทกภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศที่จะกดดันให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวชะลอลงและเปราะบางมากขึ้นในระยะปานกลาง ทั้งจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงปัญหาสงครามที่ยังยืดเยื้อ บริษัทฯ ได้ปรับการดำเนินงานและปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยถือเงินสดเพียงพอและพร้อมขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์เติบโตแบบยั่งยืน