XPG มั่นใจรายได้ปี67 เติบโตเข้าเป้า 1 พันล้าน หลังบรรยากาศเทรดกลับมาคึกคัก

20 พ.ย. 2567 | 08:35 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2567 | 08:37 น.

XPG มั่นใจรายได้รวมปี 67 โตตามเป้า 1 พันล้าน จาก 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 655 ล้าน มองการลงทุนทั้งในและต่างประเทศไตรมาสสุดท้ายปีนี้กลับมาดีขึ้น กางแผนเดินเกมรุก ธุรกิจบลจ. ออก 4 กองทุนใหม่ หนุน AUM โต 20% จากปัจจุบันที่สูงกว่า 1 หมื่นล้าน

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่ารายได้รวมในปี 67 จะเติบโตแตะที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีก่อนที่ทำได้ 621.71 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแล้วกว่า 655.40 ล้านบาท

แม้ว่าในปี 67 นี้ยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ทำให้ในช่วงครึ่งแรกปีนี้มูลค่าการลงทุนลดลงอย่างมาก แต่เชื่อว่าด้วยทั้งมาตรการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุนของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา

ขณะเดียวกันจากการที่นายโดนัล ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 ก็เชื่อว่าจะหนุนให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดต่างประเทศคลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ความต้องการลงทุนกลับมาดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 67 นี้

ทั้งนี้ แรงขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัท มาจาก 4 ธุรกิจหลัก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (XAM), บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) และ บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XD)

มองว่าธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) จะเติบโตได้ดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว และคาดหวังว่าในไตรมาส 4/67 จะกลับมาอยู่ในระดับที่ดีได้ ดูจากสัญญาณการกลับมาลงทุนในหุ้นที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/67

ปี 68 ออก 4 กองทุนใหม่

ขณะที่ธุรกิจ XAM ในปี 68 บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ประมาณ 3-4 กองทุน ที่มีทั้งรูปแบบของผลิตภัณฑ์กองทุนของบริษัทเอง และการจับมือกับพันธมิตรกองทุนต่างประเทศ เบื้องต้นคาดว่าในช่วงไตรมาส 1-2/68 จะออกกองทุนใหม่ได้ไม่น้อยกว่า 1 กองทุน

ปัจจุบันธุรกิจ XAM มี มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การจัดการของบริษัท (AUM) อยู่ที่เปลี่ยประมาณ 10,000 ล้านบาท และในปี 68 ตั้งเป้าหมายจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 20% ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากเม็ดเงินลงทุนในกองทุนใหม่ที่จะออกมาเพิ่มเติมในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะทำได้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 300-500 ล้านบาท/กองทุน

นอกจากนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ XAM ยังได้เตรียมแผนการลงทุนที่ตอบโจทย์ มุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ผ่านการเสนอขายกองทุนใหม่ “X-PEGINFRA-UI” ซึ่งเป็นกองทุนแรกในไทยที่เน้นลงทุนใน Core Infrastructure ระดับโลก โดยมี Macquarie Asset Management เป็นผู้บริหารกองทุนหลัก โดยเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 1-29 พ.ย. 67 นี้เท่านั้น รวมทั้งเดินเกมรุกขยายฐานนักลงทุนรายย่อยผ่านแคมเปญการลงทุนปลายปีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี 

สินทรัพย์ดิจิทัลคึกคัก

ส่วนธุรกิจ XD เชื่อในปี 68 จะมีการกลับมาเสนอขายโทเคน (ICO) ที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการศึกษา ICO ใหม่ 3 ดีล โดยดีลแรกคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 300-500 ล้านบาท เป็นการเปิดขายหุ้นแบบเจาะจง (PP) ขณะที่ดีล 2 และ 3 มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท/ดีล ในส่วนนี้จะเปิดขายให้ขายแก่ประชาชนทั่วไป (PO)

เบื้องต้นคาดว่าจะทยอยเปิดระดมทุน ICO ใหม่ได้ในไตรมาส 1/68 ประมาณ 1 ดีล อย่างไรก็ดี ภาพรวมในปี 68 มองว่าการเทรด ICO จะกลับมามีความคึกคักมากขึ้น หลังจากที่มีการยกเลิกการเก็บภาษี ICO โดยทรัมป์ ค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการจากการเทรดเพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจ AMC หรือรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารจัดการ โดยในปี 68 ตั้งเป้าหมายใช้เงินลงทุนที่ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อหนี้ใหม่เข้ามาเติบพอร์ตเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีมูลค่าพอร์ต AMC อยู่ที่กว่า 4,000-5,000 ล้านบาท หนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 68 จะเติบโตได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับปี 67 แน่นอน

"มองว่าหนี้เสียในระบบในปัจจุบันมีอยู่สูงมาก ทำให้โอกาสในการซื้อหนี้ใหม่เข้ามาบริหารจัดการในพอร์ตเพิ่มในปี 68 ยังมีอยู่มาก อีกทั้งจากการที่สถาบันการเงินยังคงรัดกุมการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทำให้เราเองก็มีโอกาสที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน"

ผลงาน 9 เดือนโต 62%

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้จากผลการดำเนินงาน 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีภาพรวมของรายได้หลักจากธุรกิจสินเชื่อ 137 ล้านบาท และกำไรจากเงินลงทุน 60 ล้านบาท รวมกำไรสุทธิอยู่ที่ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68%

ด้านผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 67 เองก็มีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 655.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% และมีกำไรสุทธิ 114  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจสินเชื่อที่เติบโตอย่างโดดเด่นที่ 392.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%

ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% สอดคล้องกับสภาวะตลาดการลงทุนในไตรมาส 3 ที่ปรับตัวขึ้นได้ดี และการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์แก่นักลงทุน ขณะที่รายได้จากการลงทุนในบริษัทต่างๆ อยู่ที่ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% และรายได้อื่นๆ ที่ 22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน