บล.หยวนต้า กางแผน 3-4 ปี เข้าตลาดหุ้นไทย คาดกัชนี SET Index ปี 67 ยืน 1,600 จุด
"บุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์" แม่ทัพหญิง บล.หยวนต้า เผยเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 3-4 จากนี้ พร้อมขยายโปรดักส์การเงินที่หลากหลาย หวังดันสัดส่วนรายได้ 60% ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 68 คาดกลับมายืน 1,600 จุด ได้ EPS ที่ 97 บาท/หุ้น
นางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า โดยในปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมแล้ว เพราะผลการดำเนินงานยังคงมีกำไรต่อเนื่องในทุกปี
แต่ด้วยรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ยั่งยืน จึงต้องการเพิ่มรายได้จากสินค้าที่หลากหลาย (Multiproducts) เพิ่มเติม เช่น การเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์ (selling agent) ขายหุ้นกู้ การบริหารพอร์ตให้กับลูกค้า จัดโปรแกรมลงทุนที่หลากหลาย การออก DR มากขึ้น ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีผลิตภัณฑ์โปรดักส์ขายของตัวเอง
โดยในปี 68 บริษัทจะมุ่งขยาย Multiproducts มากขึ้น สอดรับกับเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 60% ซึ่งถือเป็นรายได้ที่ยั่งยืนกว่าปัจจุบันที่มีรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ อยู่ที่ 60% ของรายได้รวมทั้งหมด
สำหรับการจัดงานสัมมนา “YUANTA THAILAND'S INVESTMENT INSIGHTS 2025” ภายใต้หัวข้อ “SPOTTING K-SHAPED RECOVERY” เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่มีชื่อเสียง และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ประเทศเวียดนาม
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้นักลงทุนสถาบันได้รับข้อมูลเชิงลึกของแต่ละบริษัท ตลอดจนสามารถพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ด้านการเงินการลงทุน และคาดหวังในอนาคตสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 10-15% จากปัจจุบันไม่ถึง 5% ซึ่งการจัดงานครั้งนี้มีนักลงทุนสถาบันชั้นนำมาพบ บริษัทจดทะเบียนไทย 33 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในเวียดนามอีก 5 บริษัท เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
ปัจจุบันบริษัทให้ลูกค้ากู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin loan) ราว 10,000 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงที่ผ่านมา ที่เคยปล่อยสินเชื่อ 16,000 ล้านบาท เนื่องจากการปล่อยมาร์จิ้นอาจต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยจะเน้นกับนักลงทุนที่ไปลงทุนจริง ที่ไม่ใช่เจ้าของธุรกิจ
นายจารุชาติ บูชาชาติ นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางฝ่ายประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 68 ไว้อยู่ที่ระดับ 1,600 จุด EPS (กำไรต่อหุ้น) ที่ 97.00 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 12% จากสิ้นปี 67 นี้ ที่คาดดัชนีที่ 1,450 จุด EPS ที่ 92.00 บาท/หุ้น เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากฐานที่ต่ำ
มองว่าในปี 68 ตลาดหุ้นไทยจะมีปัจจัยหนุนจากการอัดฉีดเม็ดเงินและการลงทุนภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชนในดาต้าเซนเตอร์ จะขับเคลื่อนให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือ GDP เติบโต 3.2% ได้ หุ้นแนะนำ SAWAD มีโอกาสกลับมาเข้า SET50 ส่วนหุ้นได้ประโยชน์สงครามการค้า AMATA ธีมดาต้าเซ็นเตอร์ GPSC SYMC ธีมเฮลท์ BMDS TMAN
ส่วนคำแนะนำการลงทุน Thailand Key Highlights ว่า ปัจจัยบวกต่อ SET Index ในปี 68 ได้แก่ Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล คาดจะช่วยผลักดัน GDP โต 3.2% จาก 2.8% ในปี 67 นี้ ประกอบกับ FDI มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีและนิคมอุตสาหกรรม
"ปัจจัยบวกต่อ SET Index ในปี 68 ได้แก่ Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทั่วโลกที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย ขณะที่เสถียรภาพทางการเมืองและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากงบประมาณรัฐบาล การลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะ Data center คาดจะช่วยผลักดัน GDP โต 3.2% จาก 2.8% ในปีนี้"
อย่างไรก็ดี ต้องจับตาความเสี่ยงจากนโยบาย America First ของทรัมป์ที่อาจชะลอการลดดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า (Trade War) ด้านกลยุทธ์การลงทุนในปี 68 ทางฝ่ายแนะนำ
- กลุ่ม Yield Play (Finance, Utilities)
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Trade War (Industrial Estate : AMATA, WHA, ICT, Utilities)
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ