นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 4 ธ.ค.67 คาด SET วันนี้ 4 ธ.ค.67 แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,440-1,460 จุด โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings) เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่ง จาก ก.ย. ที่ 7.37 ล้านตำแหน่ง และสูงกว่าคาดที่ 7.51 ล้านตำแหน่ง สะท้อนภาพตลาดแรงงานมีทิศทางดีขึ้น
โดยคืนนี้แนะติดตามตัวเลขภาคแรงงานเพิ่มเติม คือ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 1.5 แสนราย ส่วนด้านตัวเลขเศรษฐกิจอื่นที่น่าติดตาม แนะเกาะติดการรายงานดัชนีภาคบริการทั่วโลก นำโดย คาด ISM ของสหรัฐฯภารบริการ เดือน พ.ย. ที่ 55.7 ลดลงเล็กน้อยจากเดือน ต.ค. ที่ 56.0
ส่วน PMI ยูโรโซน คาดที่ระดับ 49.2 จุด และ PMI ญีปุ่น คาดที่ 50.2 จุดนอกจากนี้ยังคงแนะรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวล ประธานเฟด ในคืนนี้ ซึ่งมีผลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯในช่วงถัดไป โดยล่าสุดตลาดให้โอกาสการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ธ.ค. ที่ 70%
ด้าน SET Index วานนี้ฟื้นเด่น ขานรับความคาดหวังการลงทุนด้าน AI และ data center ที่มากขึ้นหลัง CEO NVIDIA มาเยือนไทย ผสานกับตลาดยังคงคาดหวังการออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม โดยสัปดาห์หน้า 11 ธ.ค. คาดแถลงมาตรการแก้ปัญหาหนี้ SME ส่วนมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ยังคงต้องจับตาต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องภาษีทั้งการขึ้น VAT หรือ การลดภาษีนิติบุคคลที่ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าติดตาม
04 ธ.ค.67
05 ธ.ค.67
BGRIM ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 27.00 บาท คาดแนวโน้มกำไรปี 68 จะเติบโตต่อเนื่องจาก แนวโน้มต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง และความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จากการเติบโตของอุตสาหกรรม Data Center และอิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้นในช่วงถัดไป ผสานการย้ายฐานการผลิตต่างๆ สู่ไทยมากยิ่งขึ้น เป็นแรงหนุนต่อลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น (IUs) ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่โซนล่าง เป็นจังหวะที่น่าทยอยสะสม
SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด
MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%
AP ราคาเป้าหมาย 11.5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะขยายตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำจุดสูงสุดของปี จากการรอโอน backlog ในไตรมาส 4 ที่สูงราว 1.18 หมื่นล้านบาท ผสานแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 กว่า 13 โครงการ มูลค่าราว 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพปี 68 คาดกลับมาเติบโตได้ 9% Valuation ปัจจุบันเทรด PE2025 ที่เพียง 4.8 เท่า ขณะคาดอัตราปันผลสูงราว 7% ต่อปี
DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV บริษัทตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.
AMATA คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยประเมินยอดโอนที่ดินคาดจะสูงขึ้น โดยมี Backlog ล่าสุดสูงราว 1.94 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ คาดจะหนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันเข้าสู่ไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางที่ขยับสูงขึ้นเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม