นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าในปี 67 ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปจะเป็นอีกปีหนึ่งที่เศรษฐกิจประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายจากรอบด้านทั้งในและนอกประเทศ
แต่มองมาที่ปี 68 ก็ใช่ว่าจะสบายกว่าปีก่อน ยังคงมีความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจโลกเข้ามาเป็นแรงกดดัน ทั้งในเรื่องของสงครามการค้า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจยืดเยื้อต่อไป ทำให้มองว่ากลุ่มหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจโลก หรือเศรษฐกิจในต่างประเทศในปีนี้อาจมีความน่าสนใจน้อยลง
ในขณะที่กลุ่มหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศกลับมีความน่าสนใจที่มากกว่า หลักๆ เป็นผลมาจากอานิสงส์ภาครัฐเดินหน้าออกนโยบายการระตุ้นเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และด้านอื่นๆ
ส่งผลให้คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทยจะมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีประมาณ 3% ดังนั้น กลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุนในปี 68 นั้น ประกอบด้วย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) กลุ่มการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
โดยกลุ่มแบงก์มองว่ายังคงเป้นกลุ่มหุ้นปลอดภัยที่มีอัตราการจ่ายปันผลในระดับที่ค่อยข้างสูง ประกอบกับมองว่าผลกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เพราะเชื่อว่าจากการที่แบงก์มีการตั้งสำรองในระดับที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดต่อกันในปี 67
อีกทั้งคุณภาพลูกหนี้มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สะท้อนต่อความเสี่ยงในการตั้งสำรองระดับสูงที่ลดลงอีกด้วย ทำให้มองว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 67 อาจไม่มีการตั้งสำรองในระดับที่สูงอีกแล้ว ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มแบงก์นั้น ทางฝ่ายค่อนข้างชอบ KBANK KTB และ SCB เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวนั้น มองว่าในปี 68 อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ คาดว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ออกมาเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนในคนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปี 67 ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทำไว้ค่อนข้างดี แต่ในทางกลับกันคนไทยก็เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่าเที่ยวในไทย ดังนั้น ภาครัฐจึงวางแผนดึงคนไทยกลับมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยในกลุ่มนี้ทางฝ่ายแนะนำ AOT SPA และ MINT มีความน่าสนใจ
ส่วน CENTEL มองว่าในปี 68 อาจมีผลกระทบจากการปิดบำรุงรักษาโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่ง ทำให้การเปิดให้บริการอาจลดลง ดังนั้นจึงแนะนำเป็นทยอยสะสม ขณะที่ SHR ก็เป็นอีกตัวที่มีความน่าสนใจ โดยในปี 68 มีสัญญาณการเติบโตของผลการดำเนินงานในทิศทางที่ดี จากการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ขยายตัว จึงเป็นอีกตัวที่น่าลงทุน
ในด้านกลุ่มค้าปลีกมองว่าในปี 68 ยังคงมีความน่าสนใจ จากแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศที่มีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ภาครัฐมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจและการบริโภคเพิ่มเติม ทำให้คาดว่ากลุ่มค้าปลีจะได้รับอานิสงส์ มองว่า CPALL และ CPAXT ยังมีความน่าสนใจ ตัดเรื่องของดีล CPAXT ที่เกิดขึ้นออก ก็เชื่อว่าผลการดำเนินงานยังมีการเติบโตที่ดี แนะนำรอจังหวะเข้าทยอยสะสม
และกลุ่มสุดท้าย อาหารและเครื่องดื่ม ทางฝ่ายคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในปี 68 จะออกมาดีต่อเนื่องจากปีก่อน ประกอบกับแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ทำให้มีโอกาสที่นักวิเคราะห์อาจมีการปรับเพิ่มประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 68 ขึ้นได้ถึง 20% บวกลบ ซึ่งในกลุ่มนี้แนะนำ CPF และ BTG เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเปิดต้นปี 68 มา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจสร้างฟอร์มได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเจอแรงขายของ LTF รวมถึงปัจจัยเชิงลบจากราคาหุ้นตัวใหญ่ที่ลดลง แต่ทางฝ่ายประเมินกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 68 ไว้ที่ระดับ 1,580 จุด