RS แจงเร่งสืบข้อเท็จจริง Forced sell ย้ำปัจจัยภายนอกไม่กระทบผลงาน

08 ม.ค. 2568 | 11:26 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2568 | 11:26 น.

RS ชี้แจงกรณีราคาหุ้นร่วง เป็นผลจากกลไกของตลาด และปัจจัยภายนอก เผยไม่ทราบเรื่อง Forced sell และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ย้ำปัจจัยภายนอกไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน และยังคงเป้นไปตามเป้าหมายปี 68 ที่วางไว้

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่า บริษัทขอชี้แจงพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ลงทุนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน โดยบริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ราคาหุ้นของ RS ที่มีการปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากกลไกของตลาด และปัจจัยภายนอก

ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินของบริษัทฯ สำหรับข่าวจากสื่อมวลชนบางสำนักที่ระบุว่าผู้บริหารของบริษัทฯ มีการขายหลักทรัพย์ตามเงื่อนไข (Forced sell) บริษัทฯ ไม่ทราบถึงประเด็นดังกล่าว และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่า ไม่มีปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเดินหน้าไปตามวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ในปี 2568

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นมองหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอตามพันธกิจที่มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับความสุขและ ความเป็นอยู่ที่ดี (Life Enriching) พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เพื่อให้ทุกธุรกิจในเครือเติบโตอย่างยั่งยืน

"บริษัทฯ ขอขอบคุณในความไว้วางใจและสนับสนุนบริษัทฯ ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกท่าน หากบริษัทฯ มีพัฒนาการที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่สำคัญใดๆ บริษัทฯ จะแจ้งให้นักลงทุนทราบผ่านช่องทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป"

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ร่วงลงมาอย่างหนัก จากราคาเปิดซื้อขายที่ 5.35 บาท โดยมีราคาสูงสุดของวันอยู่ที่ 5.40 บาท แต่เจอแรงเทขายถล่มจนราคาร่วงมาทำราคาต่ำสุด หรือติดฟลอร์ของวันที่ราคา 3.74 บาท หรือราคาหุ้นหายไปกว่า 30.09%

โดยมี "เฮียฮ้อ" นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ RS จำนวน 487,099,998 หุ้น คิดเป็น 22.32% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ของ RS อยู่ในปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง "เฮียฮ้อ" ถูกบังคับขาย หรือ Forced sell จากการจำนำหุ้นนอกตลาด จนนำไปสู่ราคาหุ้น RS และบริษัทย่อย RSXYZ ที่ร่วงลงรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ล่าสุดทาง RS ต้องออกมาชี้แจงความคืบหน้าต่อนักลงทุน
 

ผลการดำเนินงาน RS ย้อนหลัง 3 ปี (64-66)

  • รายได้รวม อยู่ที่ 3,589.59 ล้านบาท, 3,549.21 ล้านบาท และ 3,805.23 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 127.35 ล้านบาท, 137.07 ล้านบาท และ 1,395.23 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 1,003.21 ล้านบาท, 819.29 ล้านบาท และ 1,479.82 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียนเท่าเงินสด อยู่ที่ 141.25 ล้านบาท, 114.58 ล้านบาท และ 310.23 ล้านบาท

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 67

  • รายได้รวม อยู่ที่ 2,767.43 ล้านบาท ลดลง 180.59 ล้านบาท หรือ -6.12% จากปีก่อน 2,948.02 ล้านบาท
  • กำไรสุทธิ อยู่ที่ 12.21 ล้านบาท ลดลง 1,354.74 ล้านบาท หรือ -99.10% จากปีก่อน 1,366.95 ล้านบาท
  • กำไรสะสม อยู่ที่ 1,492.02 ล้านบาท ลดลง 586.17 ล้านบาท หรือ -28.20% จากปีก่อน 2,078.19 ล้านบาท
  • เงินสดและรายการเทียนเท่าเงินสด อยู่ที่ 305.91 ล้านบาท ลดลง 379.56 ล้านบาท หรือ -55.37% จากปีก่อนที่ 685.47 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น RS ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (64-66) มีราคาเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 64 ราคาหุ้นเฉลี่ยที่ 21.70 บาท ต่อมาในปี 65 ราคาหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 16.00 บาท และปี 66 ราคาหุ้นหล่นลงมาอยู่ที่ระดับ 13.90 บาท ส่วนปี 67 ราคาหุ้นเฉลี่ยร่วงมาอยู่ที่ 5.45 บาท อย่างไรก็ดี ล่าสุดปิดตลาดวันนี้ 8 ม.ค. 68 ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.60 บาท