ตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวสร้างฐาน รับแรงกดดันแผ่นดินไหว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ 31 มี.ค.68 ว่า คาด SET Index ย่อสร้างฐาน ในกรอบ 1,160-1,185 จุด แรงกดดันจากทั้งเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่สูงกว่าคาด

โดยวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 ผ่านมา สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ก.พ. ที่เร่งขึ้นสู่ระดับ +2.8% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ +2.7% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อภาพรวมเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงถัดไปที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด คือ ประเด็นการประกาศภาษีตอบโต้ของทรัมป์ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ภาพรวมเงินเฟ้อในช่วงถัดไป รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการกำหนดนโยบายทางการเงิน ดังนั้นระยะสั้นตลาดอาจยังลดความเสี่ยง รอดูความชัดเจนของประเด็นนี้ก่อน

ส่วนด้านปัจจัยในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปิดทำการเร็วกว่าปกติ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากประเด็นแผ่นดินไหว โดยเบื้องต้นคาดว่าประเด็นนี้คาดกระทบจิดวิทยาเชิงลบเพียงในระยะสั้นเท่านั้น โดยกลุ่มที่อาจมีผลกระทบหลัก ได้แก่

• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวสูงชะลอลง)
• ประกันภัย (บางบริษัทอาจโดนเคลมความเสียหายแต่ผลกระทบก็อาจจะไม่มากนักเนื่องจากคาดว่าบริษัทประกันต่างๆ มีการส่งต่อไปที่บริษัทรับประกันภัยต่อ เพื่อกระจายความเสี่ยง)
• กลุ่มท่องเที่ยว (อาจมีการยกเลิกแผนการเที่ยวในระยะสั้น แต่คาดว่าไม่กระทบภาพการท่องเที่ยวในระยะยาว)

อย่างไรก็ดี ก็อาจจะมีกลุ่มที่ได้รับจิตวิทยาเชิงบวก เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และ กลุ่ม home improvement ที่คาดได้ปัจจัยหนุนจากการซ่อมแซม ดังนั้นมองจังหวะ Panic จากประเด็นนี้เป็นโอกาสในการทยอยสะสม

ปัจจัยที่ต้องจับตา

31 มี.ค.68

• PMI การผลิตและบริการของจีน
• รายงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือนของไทย

01 เม.ย.68

• PMI ภาคการผลิตไทย & สหรัฐฯ & ยูโรโซน & ญี่ปุ่น
• ISM ภาคการผลิตของ สหรัฐฯ
• CPI ยูโรโซน
• Caixin PMI การผลิตจีน

หุ้นเด่นแนะนำ

HMPRO (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.00 บาท)

• คาดกลุ่ม Home Improvement ได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการซ่อมแซมอาคารหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
• ผสานกับบริษัทมีการประกาศแผนโครงการซื้อหุ้นคืน โดยมีวงเงินทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มในวันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 ก.ย. 68 นี้ คาดจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน