thansettakij
โบรกชี้เหตุแผ่นดินไหว จิตวิทยาเชิงลบระยะสั้น กดดันตลาดหุ้นไทยจำกัด

โบรกชี้เหตุแผ่นดินไหว จิตวิทยาเชิงลบระยะสั้น กดดันตลาดหุ้นไทยจำกัด

31 มี.ค. 2568 | 08:59 น.
อัปเดตล่าสุด :31 มี.ค. 2568 | 09:02 น.

กูรูเผยความกังวลต่อสถานการณ์แผ่นดินไหวมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อยและกรอบจำกัด การลดลงของ SET Index น้ำหนักหลักๆ จากภาษีศุลกากรตอบโต้ของ "ทรัมป์" ปลดแอกสหรัฐฯ 2 เม.ย.นี้

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า มองว่าการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ 31 มี.ค.68 ต้องยอมรับว่ากำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้านทั้งจากในประเทศ คือ สถานการณ์แผ่นดินไหว

แต่มองว่าสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทย จะเป็นเพียงจิตวิทยาเชิงลบมากกว่า และเชื่อว่ามีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อยมาก โดยกลุ่มหลักๆ ที่จะได้รับแรงกระเพื่อมครั้งนี้คงหนีไม่พ้นกลุ่มอสังหาฯ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีน้ำหนักของอสังหาฯ แนวดิ่ง (High lise) ในสัดส่วนที่มาก

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าภายในสัปดาห์นี้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ หลายรายจะออกมาประกาศความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยของตัวอาคาร รวมถึงการเร่งตรวจสอบอาคาร เพื่อสร้างมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย ส่วนการท่องเที่ยวนั้น คาดว่าในระยะสั้นอาจมีผลกระทบอยู่บ้าง

แต่ด้วยไตรมาส 2 ของทุกปี ตามปกติแล้วจะเป็นโลวซีซันการท่องเที่ยว ทำให้ผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจึงค่อนข้างจำกัด และเมื่อถึงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 4 ก็เชื่อว่าความกังวลต่อสถานการณ์ภัยพิบัติจะลดลงไปมากแล้ว

ในขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ มองว่ามีน้ำหนักกับตลาดหุ้นไทยมากกว่า เพราะจากกระเด็นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ในเรื่องของภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) ที่จะประกาศในวันที่ 2 เม.ย. นี้ ซึ่งจะครอบคลุมกับทุกประเทศ ไม่ใช่แค่กลุ่มประเทศเล็กๆ ที่มี 10-15 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ

โดยทรัมป์สัญญาว่าจะเปิดเผยแผนภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในวันพุธ ซึ่งเรียกว่าเป็น "วันปลดแอก" ของสหรัฐฯ คิดดูว่าการเล่นใหญ่ในครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวคงไม่ใช่ในระดับตัวเลขหลักเดียวอย่างแน่นอน

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ต่างก็เปิดตลาดในแดนลบ ทั้งจีน ไต้วัน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย และญี่ปุ่น จะเห็นได้ว่าการปรับตัวลงของ SET Index ก็เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน อย่างไรก็ดี หากเที่ยวอัตราส่วนการลดลงของดัชนีตลาดหุ้นเอเชียแล้ว นับว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองต่อสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวของประเทศไทยในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เบื้องต้นประเมินผลกระทบยังจำกัดเนื่องด้วยเหตุการณ์เป็นเพียงระยะสั้น และไม่พบการพังทลายของสิ่งปลูกสร้าง

แต่อย่างไรก็ตามสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มอสังหาฯ ท่องเที่ยว แต่ก็เชื่อว่าผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจะไม่ได้สูงมากนักด้วยสัดส่วนอสังหาฯ กับเศรษฐกิจไทยคิดเป็นเพียง 8% ของ GDP และหากเทียบกับตลาดหุ้นไทยก็คิดเป็นเพียง 5% ของ Market Capitalization เท่านั้น

ทั้งนี้ ทางฝ่ายประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนค่อนข้างจำกัด แต่อาจเผชิญกับจิตวิทยาเชิงลบ แต่อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายประเมินว่าหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลบวก (เชิง Sentiment) จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ได้แก่ 

  1. กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS BCH) 
  2. กลุ่มค้าปลีกวัดสุก่อสร้าง (HMPRO GLOBAL DOHOME SCCC) 
  3. กลุ่มสื่อสาร (ADVANC TRUE)
  4. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK STEC)

เพราะมองว่าการประมูลงานในอนาคตมีแนวโน้มจะลดการแข่งขันด้านราคาลง และหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีก่อสร้างมากขึ้น โดยกลุ่มที่เราวิเคราะห์ อย่าง CK และ STECON ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ 

  1. กลุ่มธนาคาร ยกเว้นกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ 
  2. กลุ่มอสังหาฯ โดยเฉพาะ ORI ที่มีสัดส่วนรายได้จากคอนโดฯ ค่อนข้างมาก ขณะที่ AP SPALI จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า 
  3. กลุ่มท่องเที่ยวแต่ผลกระทบค่อนข้างจำกัด (CENTEL AOT) และหากราคาปรับลงมามองเป็นโอกาสเพราะตามสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวมักฟื้นตัวได้หลังภัยธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,140 – 1,180 จุด ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนกับความกังวลเรื่องแผ่นดินไหวระยะสั้นอาจเลือกหุ้นในกลุ่มซ่อมแซมบ้านและค้าปลีก อาทิ BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL และ HMPRO, กลุ่ม Defensive อย่าง BDMS, สื่อสาร อาทิ ADVANC และ TRUE เป็นต้น