thansettakij
หุ้นเอเชียโดนเทหนัก ต่างชาติขายออกกว่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเอเชียโดนเทหนัก ต่างชาติขายออกกว่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์

06 เม.ย. 2568 | 01:00 น.

ต่างชาติทิ้งหุ้นเอเชีย 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังนโยบายภาษีทรัมป์กดดันเศรษฐกิจภูมิภาค แต่ยังเข้าซื้อพันธบัตร หวังลดความเสี่ยง

นักวิเคราะห์ บล.พาย เปิดมุมมองต่อกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 เม็ดเงินต่างชาติไหลออก (Outflow) จากตลาดหุ้นเอเชีย ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นเอเชียรวมสุทธิ 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ตัวเลขยอดซื้อขายรวมจากทั้งหมด 10 ประเทศประกอบด้วย อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม โดยคำนวณจากวันที่ 27 มี.ค. ถึง 2 เม.ย.)

ขณะที่ข้อมูลตลอด 12 เดือนที่ผ่าน พบว่า มานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียสูงถึงราว 1.3 แสนล้านดอลลาร์

ด้วยค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าเทียบดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี ต่างชาติขายหุ้นแต่ยังเข้าซื้อบอนด์ ต่างชาติมียอดซื้อสุทธิบนตลาดพันธบัตรเอเชียทั้งสิ้น 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้นับ 12 เดือนที่ผ่านมามีต่างชาติเข้าซื้อพันธบัตรบนตลาดเอเชียรวม 2.08 แสนล้านดอลลาร์ (ตัวเลขยอดซื้อขายคำนวณจาก 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไทย โดยคิดยอดระหว่างวันที่ 26 ก.พ. ถึง 2 เม.ย.68)

โดยต่างชาติขายหุ้นเอเชียต่อเนื่องในช่วง 1 ปี และไหลออกอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ต้นปี 2568 เนื่องจากความกังวลการส่งออกเอเชียจะได้รับผลกระทบจากสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งจะกระทบเศรษฐกิจเอเชียโดยตรง เพราะว่าเอเชียพึ่งพารายได้จากการส่งออกสินค้า

ทั้งนี้ เม็ดเงินต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียเพราะเห็นว่าปัจจัยพื้นฐานยังไม่เอื้อมากนัก เนื่องจากแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ปรับขึ้นภาษีตอบโต้ทั่วโลก ซึ่งมีหลายประเทศโดนภาษีตอบโต้สัดส่วนสูงเกือบทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมประเทศไทยที่โดนภาษีตอบโต้ศุลกากรถึง 36%

ส่วนจีนโดนเรียกเก็บ 34% เวียดนาม 46% ขณะที่อินเดียเกินดุลการค้าสหรัฐฯ สัดส่วนใกล้เคียงกับไทยที่ 46 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 26% ซึ่งน้อยกว่าไทยอย่างเห็นได้ชัด

จากการรวบรวมข้อมูล "ฐานเศรษฐกิจ" พบว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม ต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคม 2568 กระแสเงินลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีสถานะขายสุทธิ รวม 39,867.24 ล้านบาท โดยขายติดต่อกันต่อเนื่อง 3 เดือนแรกของปีนี้

หากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ลดลง 29,458.95 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -42.49% จากปีก่อนที่ขายสุทธิ 69,326.20 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคม ขายสุทธิ 11,334.28 ล้านบาท, เดือนกุมภาพันธ์ ขายสุทธิ 6,667.44 ล้านบาท และเดือนมีนาคม ขายสุทธิ 21,865.52 ล้านบาท

แม้ว่าแรงขายออกหุ้นไทยของต่างชาติจะลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่การไหลกลับเข้าก็ยังคงแห้งเหือดอยู่ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นไทยอาจยังไม่น่าสนใจมากพอในสายตาต่างชาติเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน รวมถึงสหรัฐฯ และยุโรป

นอกจากนี้ ด้วยปัจจัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศไทยที่ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2% เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ ที่ระดับ 4.75% จะเห็นได้ว่าส่วนต่างดอกเบี้ยนั้นมากเกินไป ด้วยการประกาศภาษีตอบโต้ของทรัมป์ในครั้งล่าสุดนี้ ส่งผลให้ไทยเรามีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลงในช่วงที่เหลือของปีนี้เพิ่มเติม

แม้ว่านักวิเคราะห์หลายแห่งจะประเมินว่าปี 2568 นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยลงด้วยเช่นกัน แต่เชื่อได้ว่าส่วนต่างดอกเบี้ยยังคงกว้างอยู่ ทำให้โอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามานั้นดูริบหรี่นัก อย่างไรก็ดี ทุนต่างชาติยังคงมีถือหุ้นไทยอยู่ เชื่อว่าการขายออกหุ้นไทยหลังจากนี้จะยังคงมีอยู่เพียงแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 - 2567 ที่ผ่านมาแล้ว