คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2566-2567 จะมีเสนอขาย Investment Token มูลค่ารวม 1.28 แสนล้านบาท ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้หลักทรัพย์ประเภทเหรียญดิจิทัลที่มีการระดมทุนแบบดิจิทัล ผ่านการเสนอขายดิจิทัลโทเคนหรือ Initial Coin Offering (ICO) โดยจะยกเว้นภาษีในตลาดแรก หรือการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่และนําไปขายในตลาดเป็นครั้งแรก
แม้ว่ามาตรการดังกล่าว จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษี 35,279 ล้านบาท แต่รัฐบาลมองว่า จะเป็นการเพิ่มทางเลือกระดมทุนให้ภาคธุรกิจ เพราะมีช่องทางระดมทุนที่หลากหลายในการขยายธุรกิจ เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น รัฐสามารถเรียกเก็บภาษีจากการเติบโตธุรกิจได้
นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในไทย(ICO Portal)เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในมุมของ TokenX ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการเงินมาประยุกต์ใช้กับการระดมทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม หลังไทยประกาศใช้พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่ปี 2561 เพราะทำให้การออกโทเคนดิจิทัลมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเท่าเทียมกับทางเลือกในการระดมทุนอื่นๆ ในปัจจุบัน
“ถือว่าเรื่องนี้้เกิดขึ้นในจังหวะที่ดีมากๆ สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจในเรื่องการทำ real world asset tokenization ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงที่จับต้องได้ และการ fractionalize เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงและมีช่องทางในการลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงหรือโครงการต่างๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น Token X เชื่อว่า ตลาดจะได้เห็นการระดมทุนผ่านช่องทางนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน” นางสาวจิตตินันท์ กล่าว
นายธนศักดิ์ กฤษณะเศรณี รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด (XD)กล่าวว่า แนวโน้มสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทโคเคนดิจิทัลจะกลับมาได้รับความสนใจและสร้างความคึกคักให้ตลาดอีกครั้งในปี 2566 หลังครม.อนุมติให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายโทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุนที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะกระตุ้นให้เอกชนที่ต้องการระดมทุนด้วยโทเคนดิจิทัลอยู่แล้ว ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และสร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ยังไม่สนใจเข้ามาศึกษาและต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต
ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ได้ประโยชน์จากการยกเว้นภาษีเช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีผู้เข้ามาขอคำปรึกษาในการออกโทเคนดิจิทัล เพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ
ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยีที่เป็นทางเลือกใหม่ๆในการระดมทุนและสร้างโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงแหล่งลงทุนที่หลากหลายและเท่าเทียมมากขึ้น
ในส่วนของ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัลปีนี้ มีลูกค้าที่เข้ามาขอคำปรึกษาในการออกโทเคนเพื่อการลงทุนและโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์แล้วมากกว่า 10 ราย ซึ่งหลังจากมีความชัดเจนด้านภาษี ก็จะเร่งให้หลายๆ รายเข้าสู่กระบวนการเพื่อยื่นคำขออนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัล (filing)ต่อก.ล.ต.ในเร็วๆ นี้ต่อไป และจากนโยบายภาครัฐที่ออกมา เอ็กซ์สปริง ดิจิทัลตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้จะมีลูกค้าในส่วนของ ICO Portal เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ซึ่งจะทำให้ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ครองความเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้าน ICO Portal ของไทยต่อไป
ส่วนนางสาวอภิญญา เรืองทวีคูณ Managing Director บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix)บริษัทในกลุ่มธนาคาร กสิกรไทยกล่าวว่า นับเป็นก้าวสำคัญของไทยในการเป็นผู้นำในการผลักดันและสนับสนุนนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้ในกระบวนการระดุมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลประเภท Investment Token ซึ่งก่อนหน้าเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของมูลค่าเงินระดมทุน ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการระดมทุนผ่าน ICO เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านภาษีค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการระดมทุนผ่านรูปแบบอื่น ทำให้ที่ผ่านมาตลาด Investment Token ยังเติบโตช้า
“เมื่อมีการปลดล็อกเรื่องภาษีแล้ว ปีนี้ Kubix มุ่งหวังจะเห็นผู้ประกอบจากหลายอุตสาหกรรม เข้ามาศึกษาและเลือกใช้การระดมทุนผ่าน Investment Token มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางในการระดมทุนที่หลากหลายขึ้นในตลาดทุนและสนับสนุนการพัฒนาภาคเศรษฐกิจต่อไป”
นอกจากนั้นก.ล.ต.อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความเห็นการปรับปรุงเกณฑ์การเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่มีการจัดโครงสร้างและให้ผลตอบแทนซึ่งมีลักษณะคล้ายหนี้ (debt-liked ICO) และโทเคนดิจิทัลที่มีกิจการโครงสร้างพื้นฐานหรือกระแสรายรับจากกิจการโครงสร้างพื้นฐานเป็นทรัพย์สินอ้างอิง (infra-backed ICO) ซึ่งก็จะช่วยส่งเสริมตลาด Investment Token ให้เติบโตไปอีกขั้นเช่นกัน
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,869 วันที่ 12 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2566