ผุดซีเนียร์คอมเพล็กซ์พันยูนิต ธนารักษ์ผนึกรามาฯโครงการแรก อำเภอบางพลี

01 ก.พ. 2560 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.พ. 2560 | 07:53 น.
กรมธนารักษ์ผนึกมหาวิทยาลัยมหิดลและโรงพยาบาลรามาธิบดีเดินหน้า“ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์” ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุโครงการแรกบนที่ราชพัสดุขนาด 72 ไร่ย่านบางพลี สมุทรปราการรองรับคนชรา 1,000 ยูนิต มั่นใจแผนประเมินราคาที่ดิน 32ล้านแปลงเสร็จทันสิ้นปีนี้

โครงการก่อสร้างบ้านสำหรับผู้สูงอายุ หรือ ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์มีความคืบหน้า โดยเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 กรมธนารักษ์ได้ลงนามเอ็มโอยูกับมหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลรามาธิบดีดำเนินโครงการในที่ราชพัสดุ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เนื้อที่72 ไร่ ก่อสร้างโครงการ Senior Complex รองรับสังคมผู้สูงอายุ

มาสเตอร์แพลนของกรมธนารักษ์ จะแบ่งพื้นที่เป็น 3 โซน คือ 1. Hospice Zone เนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ 2. Senior Housing Zone เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ และ 3. Nursing Home Zone เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ และมหาวิทยาลัยมหิดลโดยโรงพยาบาลรามาธิบดี จะดำเนินการก่อสร้างโครงการ Senior Complex โดยเร็วหลังจากได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ คาดว่าดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2560

นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ อยู่ระหว่างเตรียมรูปแบบของโครงการ และทำงานร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีในการพัฒนาโครงการร่วมกัน เพื่อให้โครงการตอบโจทย์และสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ตรงจุด โดยรูปแบบนั้นจะคล้ายกับศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย (สวางคนิเวศ บางปู )คาดว่าจะรองรับผู้สูงอายุได้ 1,000 ยูนิต

ส่วนคุณสมบัติของผู้อยู่อาศัยจะมีการกำหนดอีกครั้ง เช่น อายุ ไม่ต่ำกว่ากี่ปี รวมถึงกำหนดค่าใช้จ่าย ที่จะอยู่ในรูปแบบการเหมาจ่ายรายปี ครอบคลุมทั้งอาหาร ที่อยู่ และดูแลรักษาพยาบาล

นายจักรกฤศฎิ์กล่าวว่าตามแผนของกรมธนารักษ์จะเสนอวาระให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาอนุมัติงบประมาณในการลงทุนก่อสร้างให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดีส่วนกรมธนารักษ์จะทำหน้าที่ประกวดแบบก่อสร้างเพื่อให้เอกชนเสนอรูปแบบการก่อสร้าง คาดว่าหลังจากเริ่มประกวดราคารวมถึงได้ผู้ชนะการประมูลโครงการแล้วจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 3 ปี

กรมธนารักษ์ยังมีที่ดินราชพัสดุที่จะใช้พัฒนาโครงการบ้านผู้สูงอายุอีกหลายแปลง โดยพื้นที่ที่จะดำเนินการต่อไป ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่โดยกำหนดผลตอบแทนตามหลักประชารัฐ กล่าวคือ ค่าเช่า ตารางวาละ 1 บาท ต่อเดือน

สำหรับความคืบหน้าในการสำรวจรวมถึงการประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ยังเดินไปได้ตามแผน ซึ่งสามารถประเมินราคาที่ดินไปแล้วกว่า 60% คาดว่าภายในสิ้นปี 2560 การประเมินที่ดินราคารายแปลงจะครบ ทั้ง 32 ล้านแปลง โดยยังคงเหลือเวลาในการทำงานอีกประมาณ 9 เดือน

ทั้งนี้ภายใต้การประเมินรอบใหม่คาดว่าราคาจะไม่มีการปรับขึ้นมากนัก เนื่องจากราคาได้ถูกปรับขึ้นไปแล้วในการประเมินก่อนหน้านี้ ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 30% ของที่ดินงประเทศเท่านั้น และคงเหลือที่ดินอีก 70%

“ราคาประเมินรอบใหม่อาจจะปรับขึ้นบ้างซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นที่ดินที่อยู่ห่างไกลและยังไม่มีจุดหรือสิ่งกระตุ้นให้เกิดการปรับราคา อาทิ ที่ดินบริเวณใกล้เคียงมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ทางด่วน โทลเวย์ สถานีรถไฟฟ้า เขตเศรษฐกิจพิเศษ เหล่านี้หากไม่เกิดขึ้นในพื้นที่โอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นก็มีความเป็นไปได้น้อยมาก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,231
วันที่ 29 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2560