เมื่อปี 2551 ผมได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ
“ชีวิตนี้ขอเป็นข้าพระบาท ทาสประชาชน” และได้ตีพิมพ์จำหน่ายครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์กรีน-ปัญญาญาณ โดยมีคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เป็นบรรณาธิการอำนวยการ
หนังสือเล่มนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญ 3 ท่านคือ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ, คุณสนธิ ลิ้มทองกุล, ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เขียนคำนิยม และยังได้รับความกรุณาอย่างยิ่งจากกวีซีไรท์และศิลปินแห่งชาติ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนกลอนแปดให้ด้วยภาษาที่งดงาม สละสลวยไพเราะยิ่ง อันเป็นเกียรติสูงสุดแก่ผู้เขียน
โดยภายหลังที่หนังสือเล่มนี้ได้ตีพิมพ์และจัดจำหน่ายในราคาเล่มละ 160 บาท ก็ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนอย่างท่วมท้น จำหน่ายหมดไปโดยรวดเร็ว จนต้องพิมพ์เพิ่มอีกหลายครั้งและจำหน่ายหมดเป็นจำนวนร่วมแสนเล่ม สร้างความตื่นเต้นดีใจแก่ผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือพ็อกเกตบุ๊กเล่มแรกในชีวิตของผม
[caption id="attachment_223272" align="aligncenter" width="411"]
หนังสือเชีวิตนี้ขอเป็นข้าพระบาท ทาสประชาชน[/caption]
ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจว่า อะไรทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้น เพราะคำว่า
“ข้าพระบาท” โดนใจและกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องคนไทยขณะนั้นกระมัง จึงเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว นี่เป็นความนึกคิดเบื้องต้นของผมขณะนั้น
ปรากฏที่หน้าอกเสื้อทีเชิ้ตที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ จัดทำและจำหน่ายระดมทุนสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มประชาชน เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งปรากฏข้อความดังกล่าวในรูปสติกเกอร์ติดที่กระจกหลังรถยนต์ เห็นกันจนคุ้นชินตาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กับข้อความอันสะท้อนตรงกับจิตสำนึกของปวงชนชาวไทย
[caption id="attachment_223273" align="aligncenter" width="555"]
นิติพงษ์ ห่อนาค /ภาพ http://www.gmmgrammy.com[/caption]
กระทั่งเมื่อปี 2554 ผมก็ได้มีโอกาสได้ยินและฟังเพลงที่ชื่อ
“ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” แต่งเนื้อร้องโดยคุณดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงและผลงานโด่งดังจำนวนมาก สังกัดค่ายเพลง GMM Grammy แต่ทราบว่าเขาแต่งเพลงนี้ภายหลังออกจากค่ายแกรมมี่ ดังกล่าว
เพลงที่คุณดี้แต่งนี้ ก็เพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 วงดนตรีที่บรรเลงและนักร้องที่ขับร้องก็คือ
“อัสนี-วสันต์” 2 พี่น้องนักร้องดัง ที่พวกเราชาวไทยได้รับฟังและขับร้องกันทั้งประเทศขณะนี้นั่นเอง ส่วนแรงบันดาลใจที่ผู้แต่งเพลงคิดอย่างไร จึงนำเอาข้อความ
“ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” มาแต่งเป็นเนื้อร้องของเพลง ได้แนวคิดมาอย่างไร คงต้องฟังจากผู้แต่งเอง
เดือนตุลาคมปีนี้ เป็นเดือนที่พสกนิกร ปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ต่างอยู่ในช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ เพื่อไว้อาลัยครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
ยิ่งใกล้วันที่ 26 ตุลาคม 2560 อันเป็นวันที่คนไทยทั้งแผ่นดินและทั่วโลก จะได้เข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ ณ พระเมรุมาศ ผู้เขียนก็ยิ่งมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างหาที่สุดมิได้ ทั้งมิอาจจะบรรยายถึงความรู้สึก ความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่านและสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
ความรู้สึกของประชาชนชาวไทยทั้งมวลยามนี้ ล้วนเป็นความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน รู้สึกเศร้าและอาลัยในความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของชาติไทย ตลอดพระชนม์ชีพที่พระองค์ทรงครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี และที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อพสกนิกรปวงชนชาวไทยตลอดมา จะยังคงสถิตอยู่ในใจปวงข้าพระพุทธเจ้าตราบชั่วนิรันดร์
ในชีวิตของผู้เขียนแม้ว่าจะมิได้เคยถวายงานใดๆ โดยใกล้ชิด คงมีโอกาสเพียงแค่ได้เข้าเฝ้าฯในงานพระราชพิธีสำคัญๆ ต่างๆ เป็นบางครั้ง
เช่นเดียวกับชาวไทยทุกคนที่กราบไหว้ไว้เหนือเกล้า ถือเสมือนว่าพระองค์ท่านคือ “พ่อของแผ่นดิน” ทุกคนจงรักภักดีต่อพระองค์ ประดุจดังพ่อที่เป็นมากยิ่งกว่าพ่อ ยากที่จะหาพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเสมอเหมือน การทุ่มเทพระวรกายของพระองค์ การทรงงานหนักโดยมิได้พักผ่อนแม้ยามทรงพระประชวร เพื่อแผ่นดินและความอยู่ดีมีสุขของประชาชน นำพาชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติ
ทรงค้นคิดประดิษฐสร้าง ดำเนินโครงการพระราชดำริร่วม 5,000 โครงการ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมากล้นจนสุดพรรณนา อยู่ในความรับรู้และน้อมใส่เกล้าของข้าพระพุทธเจ้ามาโดยตลอด
เมื่อครั้งที่ผู้เขียน เขียนหนังสือ
“ชีวิตนี้ขอเป็นข้าพระบาท ทาสประชาชน” ถือเป็นงานเขียนเล่มเดียวและเล่มแรก ที่ผู้เขียนได้จัดทำเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และสถาบันพระมหากษัตริย์ ในขณะที่พระองค์ยังคงพระชนม์ชีพ อันเป็นเพียงสิ่งน้อยนิดดุจธุลีก็ด้วยสำนึกอันแน่วแน่ เพื่อสัญญากับตนเอง ที่จะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป และเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกถึงคนอื่นๆให้ได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้บัดนี้พระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วด้วยความโศกเศร้าอาลัยของปวงพสกนิกรทั้งแผ่นดิน และใกล้จะถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ข้าพระพุทธเจ้าขอน้อมถวายอาลัยและขอปฏิญาณตนมอบกายถวาย ชีวิตว่า...
...........................................
คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน / หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ / ฉบับ 3308 ระหว่าง วันที่ 25-28 ตุลาคม 2560