ตลาดรถยนต์ปี59 ภาษีสรรพสามิตกระทบรถใหม่!!!!

02 ม.ค. 2559 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :02 มิ.ย. 2559 | 10:51 น.
แม้ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของปี 2558 จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเกินระดับ 7.7 – 7.8 แสนคัน เนื่องจากตัวเลข 11 เดือนของปี 2558 พบว่าทำได้ทั้งสิ้น 698,168 คัน ลดลง 11.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 และแม้ยอดขายจะลดลงแต่เมื่อดูเฉพาะตัวเลขของเดือนพ.ย. 58 จะพบว่าทำได้ทั้งสิ้น 76,426 คัน เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

การเติบโตในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 31 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 และคาดว่าตัวเลขของเดือนธันวาคม 2558 จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก เพราะผลจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่มีการเปิดตัวรถใหม่ ,มีแคมเปญ - ข้อเสนอทางการเงินพิเศษ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อรถยนต์ก่อนที่จะมีการปรับราคาขึ้นตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2559

ขณะที่ทิศทางของปี 2559 จะเป็นอย่างไร , ปัจจัยบวก-ปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลต่อการขายคืออะไร วันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ”ได้รวบรวมทรรศนะจากผู้บริหารระดับสูงมานำเสนอเมกะโปรเจ็กต์หนุนตลาดโต

นายโมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในปี 2559 จะใกล้เคียงกับปี 2558 โดยมีปัจจัยบวกคือโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆของภาครัฐจะเริ่มเดินหน้า ซึ่งบริษัทยังมั่นใจว่าในระยะกลางไปจนถึงระยะยาวเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวอย่างแน่นอน แต่ปัจจัยลบคือ ความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ,ตลาดส่งออกที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและกำลังซื้อรถยนต์ของต้นปีนี้ถูกดึงไปบางส่วน ทั้งนี้เพราะผู้บริโภคต้องการซื้อรถยนต์ในราคาเดิม ก่อนจะปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559

"ช่วงต้นปียอดจองใหม่ๆอาจจะลดลง แต่ยอดส่งมอบจะสูง เพราะมียอดจองตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นหากจะประเมินสถานการณ์ตลาดรถยนต์ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น คาดว่าจะต้องรอจนถึงเดือนมีนาคมถึงจะคาดการณ์ได้ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ไปในทิศทางไหน "

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลทำให้รถยนต์หลายรุ่นมีการปรับราคาขึ้น โดยเฉลี่ยที่มาสด้าประเมินคือ 3 – 5% ซึ่งบริษัทพยายามจะตรึงราคา และปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ขณะที่ภาพรวมตลาดรถยนต์ใน ปี 2559 คาดว่าจะดีขึ้น เพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟื้น ส่วนภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ก็จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆออกสู่ตลาด

เช่นเดียวกับ นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ในปี 2559 จะเทียบเคียงกับปี 2558 โดยประเมินว่าจะอยู่ที่ 7.5 แสนคันโดยมีปัจจัยบวกคือ จีดีพีที่มีการประเมินว่าจะอยู่ที่ 3% นอกจากนั้นแล้วการที่ภาครัฐจะกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชน ก็จะทำให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียน อย่างไรก็ตามมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นกังวลคือการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะทำให้ราคารถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไป และผู้บริโภคบางส่วนมีการตัดสินใจซื้อตั้งแต่ปลายปี 2558

"เศรษฐกิจในปี 2559 ไม่น่าจะแตกต่างจากปี 2558 แต่อาจจะดีขึ้นกว่าเล็กน้อย ทำให้เราประเมินว่ายอดขายรถน่าจะพอๆกัน ส่วนการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงรุนแรง ในส่วนของฮอนด้ายังคงเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง"

 ปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา

ส่วนทางด้าน นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวถึงตลาดรถยนต์ในปี 2559 ว่า จะทรงตัว หรือ อาจจะเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2558 โดยไตรมาส 1 – 2 จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ส่วนปัจจัยอื่นๆที่กังวลคือภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งนี้ฟอร์ดประเมินว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ส่วนปัจจัยบวกคือ การลงทุนจากภาครัฐ โดยคาดว่าทั้งปี 2559 จะมียอดขายประมาณ 7.5 – 7.8 แสนคัน ขณะที่ฟอร์ดมีแผนงานของปี 2559 ด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ อาทิ โฟกัส ใหม่ และจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตของรถปิกอัพ

"การแข่งขันในตลาดรถยนต์ยังมีตลอด ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในตอนนั้นว่าจะเป็นอย่างไร ในส่วนของฟอร์ดมีการปรับแผนให้ดีมานด์กับซัพพลายมันไปด้วยกัน มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ,ปรับปรุงรถรุ่นต่างๆให้สามารถแข่งขันได้"

นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกของปี 2559 ตลาดรถยนต์น่าจะไม่ลดลงมากเท่าไร เพราะมีการส่งมอบรถ ไตรมาสที่ 2 มีงานมอเตอร์โชว์ จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะประเมินตลาดได้ อย่างไรก็ตามทิศทางบวกก็ยังมีอยู่ ดังจะเห็นจาก การเมืองนิ่ง ,เศรษฐกิจในประเทศจะได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดเงินเข้าระบบเช่นเดียวกับกลุ่มเอสเอ็มอีที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อเพื่อมาประกอบธุรกิจ,โครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆที่เดินหน้า ทำให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้าง คาดว่าทั้งปี 2559 จะมียอดขายรถยนต์รวมประมาณ 7.5 แสนคัน

"ต้นปีตลาดน่าจะทรงๆตัว หลังจากนั้นจะเริ่มเห็นภาพตลาดชัดขึ้น มีการปรับราคารถยนต์ อาทิ ปิกอัพ ที่มีการปรับขึ้นเล็กน้อย คาดว่ากลุ่มนี้จะยังขายได้ เช่นเดียวกับอีโคคาร์ ส่วนกลุ่มรถยนต์นั่ง-เก๋ง ภาษีปรับขึ้นเยอะกว่าก็อาจจะหดตัว และในอนาคตอาจจะได้เห็นรถในกลุ่มซับคอมแพ็กต์เข้ามาตลาดอีโคคาร์ด้วย โดยเราประเมินว่ายอดขายรถยนต์หากสามารถทำได้เท่ากับปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเก่งแล้ว "

 จับตาตลาดวูบรับภาษีใหม่

อย่างไรก็ตาม โครงการสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้กำลังการซื้อของปี 2559 ถูกเร่งให้เร็วขึ้น โดย นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)ฯระบุว่าไตรมาสแรกของปี 2559 คาดว่าตลาดจะซบเซาเพราะกำลังซื้อหรือดีมานด์ในการซื้อรถยนต์ถูกดึงไปตั้งแต่ปลายปี 2558 ขณะที่ปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจยุโรป – จีน หรือตลาดทุนยังไม่ค่อยดี อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดรวมจะยังคงเติบโต 3 – 5% ตามจีดีพีที่มีการประกาศ ขณะที่ซูซูกิยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง โดยกำลังศึกษาเรื่องเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มอีโคคาร์

ทางด้านนางปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์อีซูซุ ให้ความเห็นว่า ปัจจัยบวกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์คือราคาน้ำมันที่ลดลง ,การใช้จ่ายจากภาครัฐเม็ดเงินจากโครงการต่างๆที่จะทยอยเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ตามปัจจัยที่เป็นกังวลคือตลาดโลกที่ผันผวน อาทิ จีน – ยุโรป ยังไม่ฟื้นตัว ,ปัญหาเรื่องการเมือง-การก่อการร้าย ที่จะกระทบกับความเชื่อมั่น ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวจะกระทบกับการส่งออก เพราะไทยพึ่งพาการส่งออก

 มือสองฟุ้งยอดโต

ทางด่านรถมือสอง ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น โดยนายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์มือสองในปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตกว่าปี 2558 สืบเนื่องจากราคารถยนต์เริ่มนิ่ง ,การบริหารจัดการด้านสต๊อกรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับราคารถใหม่มีการปรับขึ้นตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้คาดว่าลูกค้าจะหันมาเลือกซื้อรถยนต์มือสองเพิ่มมากขึ้น โดยสมาคมคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการดำเนินงานในปี 2559 จะอยู่ที่ 20 % เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่เติบโตเฉลี่ย 15 %

 บิ๊กไบค์ขายทะลุ 2 หมื่น!!

ด้านตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือ บิ๊กไบค์เป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างมาก สวนกระแสเศรษฐกิจ โดย ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการ ตลาด บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด หรือ ดูคาติไทยแลนด์เปิดเผยว่าภาพรวมของตลาดบิ๊กไบค์ในไทยยังเติบโต ดังจะเห็นจากการที่ผู้ผลิตหลายค่ายเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทย อย่างไรก็ตามในครึ่งปีแรกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่คาดว่าทั้งปี 2559 ยอดขายของกลุ่มบิ๊กไบค์ขนาด 500 ซีซี เป็นต้นไปจะทะลุ 2 หมื่นคัน เติบโตกว่าปี 2558 ที่มียอดขายประมาณ 1.8 หมื่นคัน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,118
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 - 2 มกราคม พ.ศ. 2559