มูลนิธิเอสซีจี สร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ เรียนรู้ศาสตร์แห่งการพัฒนาสร้างชุมชนยั่งยืน

12 ม.ค. 2562 | 11:15 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ม.ค. 2562 | 18:06 น.
จากแนวทางการพัฒนาเยาวชน ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มูลนิธิเอสซีจี ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพนักพัฒนารุ่นใหม่ภายใต้ “โครงการต้นกล้าชุมชน” โดยพาต้นกล้าชุมชน รุ่นที่ 3 และพี่เลี้ยง รวม 20 คน ไปศึกษาแนวคิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนจากความหลากหลายทางชีวภาพแบบดั้งเดิมของชุมชนญี่ปุ่น

BCE85FA4-70EA-4744-8C60-5EDEA7F2FCB5 "สุวิมล จิวาลักษณ์" กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า ด้วยความเชื่อที่ว่า ไม่มีการสร้างใดจะยั่งยืนไปกว่าการสร้าง ‘คน’ มูลนิธิเอสซีจีจึงส่งเสริมคนรุ่นใหม่ภายใต้ “โครงการต้นกล้าชุมชน” มาตั้งแต่ปี 2557 เพื่อสร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ให้เป็นกำลังสำคัญในการดูแลและพัฒนาท้องถิ่นของตนให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยตระหนักดีว่าต้นกล้าชุมชนจะเติบโตหยั่งรากอย่างแข็งแรงได้ ต้องได้รับการพัฒนาที่เหมาะสม การพามาศึกษาดูงานจึงถือเป็นกิจกรรมพัฒนาศักยภาพที่มูลนิธิฯ ให้ความสำคัญ เพราะการเรียนรู้แนวคิดแบบ Satoyama และ Satoumi ในครั้งนี้ คล้ายคลึงกับการโครงการต้นกล้าชุมชนที่มูลนิธิฯ ดำเนินอยู่อย่างมาก

A70F8B64-7EDD-4809-A6D7-0132E154EEF4 Satoyama & Satoumi คือ ศาสตร์แห่งการเรียนรู้คุณค่าของการสร้างภูมิทัศน์จากการทำเกษตรแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นความสัมพันธ์ของป่าไม้ พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ชุ่มน้ำ นาข้าว ทุ่งหญ้า การเพาะเลี้ยงปศุสัตว์ และที่อยู่อาศัยของชุมชนในเขตชนบท ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
"เราคาดหวังว่าน้องๆ ต้นกล้าฯ จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แล้วนำความรู้เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม กลับไปปรับใช้เพื่อพัฒนากิจกรรมของชุมชน สังคม ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป”

E2F3A314-74C9-4A41-B730-80E75D6AF158 "สำรวย ผัดผล" ผู้บริหารศูนย์การเรียนรู้โจโก้ เครือข่ายมูลนิธิฮักเมืองน่าน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน กล่าวว่า การมุ่งหาความสะดวกสบายด้วยการทำงานในเมืองใหญ่เป็นค่านิยมของสังคมโลก สำหรับเมืองไทย คนหนุ่มสาวที่เลือกทำงานในถิ่นบ้านเกิด ผู้ใหญ่มักจะมองว่าเรียนมาสูงทำไมต้องกลับมาอยู่บ้าน แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น ค่านิยมที่ผลักคนหนุ่มสาวออกจากครอบครัวและชุมชน กลายเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ที่มีความพยายามอย่างมากที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ ด้วยการลงทุนทั้งการวิจัย ทุ่มงบประมาณ ให้ความรู้ด้านต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งญี่ปุ่นระดมความร่วมมือทั้งนักวิชาการ องค์กรท้องถิ่น และมหาวิทยาลัย เพื่อเร่งสร้างฐานเศรษฐกิจ สร้างคุณค่าในชุมชนให้เกิดขึ้น เพื่อหวังให้คนรุ่นใหม่ตระหนักและเห็นคุณค่าของชุมชนแล้วกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

55E0EF2A-2CB8-4E80-AF5A-1935F8EEBCA6
ในประเทศไทยก็ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน แต่ยังโชคดีที่มูลนิธิฯ เห็นความสำคัญ และริเริ่มโครงการต้นกล้าชุมชน ทำให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้คนหนุ่มสาวได้กลับไปทำงานในบ้านเกิดได้อย่างภาคภูมิใจ ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่โอกาสในการเปิดโลกทัศน์ พวกเขาจะได้บทเรียนที่นำกลับไปเทียบเคียงกับเรื่องที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในชุมชน ถือว่าเป็นการลงทุนพัฒนาคน สร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ที่ดีวิธีหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นกล้าฯ ชุมชน และประเทศในระยะยาว

6F151FF2-5710-4376-B1AC-0622EE6A8BD6
การเดินทางครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก The International Partnership for Satoyama Initiative (IPSI) หน่วยงานกลางที่เชื่อมโยงกับองค์การระหว่างประเทศที่ดูแลเรื่องการอนุรักษ์และฟื้นฟูภูมิทัศน์แบบ Satoyama ทั่วโลก ในการนำชมและให้ความรู้แก่ต้นกล้าชุมชนและพี่เลี้ยง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของชุมชนตนเอง
นอกจากนั้น คณะฯ ยังได้เยี่ยมชมตลาดสดโอมิโจที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ และตลาดเช้าทาคายาม่า ที่มีร้านจำหน่ายอาหารทะเลสด ผัก ผลไม้ ปลา และอาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งยังมีของที่ระลึกซึ่งเป็นงานฝีมือท้องถิ่นของชาวบ้านอีกด้วย ตลอดจนได้เยี่ยมชมหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ และได้รับคัดเลือกจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพื่อจุดประกายให้ต้นกล้าชุมชนนำไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชนตนเอง ก่อให้เกิดวิถีชีวิตที่มีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนต่อไป

มูลนิธิเอสซีจี มีแผนในการสร้างนักพัฒนารุ่นใหม่ และต่อยอด สนับสนุนต้นกล้าชุมชนทุกคนให้เติบโตเป็นนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ตลอดจนเป็นต้นแบบในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหรือชุมชนอื่นๆ ในการกลับมาพัฒนาชุมชนบ้านเกิด เพราะเชื่อว่าไม่มีใครรู้จักชุมชนดีไปกว่าคนในชุมชนเอง

Than1