ครม.เคาะเว้นภาษีเอกชนร่วมโครงการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรจากการขายคาร์บอนเครดิต 3 รอบปีบัญชี
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อ 14 พ.ค.2562 ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ทั้งนี้ เป็นมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับกำไรสุทธิในการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ เฉพาะส่วนที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต ไม่ว่าจะกระทำในประเทศหรือนอกประเทศ เป็นเวลา 3 รอบบัญชีต่อเนื่องกัน
นายณัฐพร กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการมีหลักเกณฑ์ คือ 1.โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ได้สิทธิประโยชน์ ได้แก่ โครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reductions (VERs) ที่ได้ขึ้นทะเบียนการดำเนินโครงการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ถึง 31 ธ.ค.2563
2.การเริ่มนับรอบระยะเวลาบัญชีแรกที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้สำหรับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ซึ่งจำหน่ายคาร์บอนเครดิตประเภท Voluntary Emission Reductions (VERs) ให้เริ่มนับรอบระยะเวลาบัญชีแรกคือ รอบระยะเวลาบัญชีที่ อบก.ได้ออกใบรับรองการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ 3.ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลแยกยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ของกิจการและโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ โยให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรเดียวกันในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาร์บอนเครดิต คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สามารถลดได้จากการดำเนินโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด ได้รับการนำมาใช้เพื่อเป็นกลไกให้ประเทศพัฒนาแล้วที่ประสบปัญหาในการลดปริมาณก๊าซ สามารถซื้อโควตาคาร์บอนจากผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนาที่มีโครงการพัฒนาที่สะอาด ที่เรียกว่า การค้าขายแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจก ซึ่งโครงการพัฒนาที่สะอาดตามพิธีสารเกียวโต ซึ่งมีสิทธิขายคาร์บอนเครดิต ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน การผลิตพลังงานหมุนเวียน การเปลี่ยนเชื้อเพลิง การกักเก็บและการเผาทำลายก๊าซมีเทน การปรับเปลี่ยนวิธีการทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ การจัดการน้ำเสียและขยะ และการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม เป็นต้น