ในช่วงวัยเด็กของคุณ หากย้อนนึกถึงการ์ตูนแอนิเมชันชื่อดังของดิสนีย์ อย่าง “THE LION KING” คุณคงอดประทับใจไม่ได้ถึงความซุกซนของเจ้าสิงโตตัวน้อย “ซิมบ้า” มิตรภาพอันแสนประทับใจกับเหล่าผองเพื่อน เช่น “ทีโมน” เมียร์แคทจอมตลก “พุมบ้า” หมูป่าใจดี ความผูกพันกับ “นาลา” เพื่อนสิงโตวัยเด็กที่กลายเป็นคู่ชีวิต และความโหดเหี้ยมในโลกแห่งการแย่งชิง ครอบครองอาณาจักรผืนป่าอันกว้างใหญ่ อันเป็นบททดสอบที่ “ซิมบ้า” ต้องเรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นเจ้าป่าเมื่อเติบใหญ่
ความทรงจำเหล่านี้ ไม่เพียงโลดแล่นอยู่ในโลกแห่งการ์ตูน หรือภาพยนตร์ที่เราเคยผ่านๆตากันมาเท่านั้น แต่การนำเรื่องราวเหล่านี้ มาถ่ายทอดผ่านการแสดงแบบ “มิวสิคัล” มันช่างวิเศษมากๆ กับโปรดักชันระดับโลก “ดิสนีย์ เดอะ ไลอ้อน คิง” (DISNEY’S THE LION KING)
ดิสนีย์ เดอะ ไลอ้อน คิง เป็นมิวสิคัลอันดับ 1 ของโลก ที่เปิดการแสดงไปทั่วโลกมาแล้วกว่า 25
โปรดักชัน มีผู้ชมมาแล้วกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ทั้งยังจัดว่าเป็นละครเพลงที่ทำการแสดงยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 3 ของบรอดเวย์ และล่าสุด “ไมเคิล แคสเซิล กรุ๊ป” ได้ร่วมกับ “ดิสนีย์ เธียทริคัล โปรดักชั่นส์” และ “บีอีซี-เทโร ซีเนริโอ” ได้นำละครเพลงสุดอลังการนี้ เข้ามาเปิดการแสดงครั้งแรกในไทย ณ “โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย” ซึ่งจะเปิดการแสดงไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้
การแสดงแบบมิวสิคัลชุดนี้ ทำให้เราสัมผัสได้ถึงอีกมุมมองของการเล่าเรื่อง ซึ่งรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ในโลกของซิมบ้า ทั้งสนุก ตื่นเต้น และรับรู้ถึงอารมณ์ของตัวละครเหล่านี้ ที่สอดรับไปกับเสียงร้องอันทรงพลัง จากคณะนักแสดงระดับโลกจาก 19 ประเทศที่มารวมตัวกันแสดงละครเพลงในไทย สะกดให้เราอินกับการแสดงได้เต็มเปี่ยมหัวใจ
ต้องให้เครดิต “จูลี่ เทย์มอร์” สุดยอดผู้กำกับที่สร้างสรรค์ให้ “ดิสนีย์ เดอะ ไลอ้อน คิง” นักแสดง ฉาก คอสตูม ที่ผสมผสานลงตัวกับ PUPPET หรือหุ่นเชิดกว่า 200 ตัว ทั้งหุ่นเชิดด้วนลวด หุ่นเชิดเงา หุ่นเชิดขนาดเท่าตัวจริง ซึ่งล้วนแต่มีท่วงท่าลีลาเคลื่อนไหวเป็นหนึ่งเดียวกับนักแสดง พาเราเข้าไปในโลกของสัตว์ ณ ทุ่งหญ้าสะวันนา อันกว้างใหญ่ ได้อย่างคาดไม่ถึง
โอโห “ยีราฟ” 2 ตัวในฉาก มีความสูงถึง 5.5 เมตร เป็นตัวละครสัตว์ที่สูงที่สุดในโชว์ชุดนี้ ภาษาที่ใช้บางช่วงมีการใช้ภาษาชนเผ่าแอฟริกา ส่วนนักแสดงหลักก็ล้วนมืออาชีพแห่งบรอดเวย์แทบทั้งสิ้น ขณะที่นักแสดงเด็ก ที่รับบทซิมบ้า และ นาลา ตอนเป็นสิงโตน้อย ก็ช่างแฝงไปด้วยความน่ารัก
ละครเพลงเรื่องนี้ บอกได้เลยว่าดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่อย่างเราๆ เพราะเขามีวิธีเล่าเรื่องน่ามหัศจรรย์ ทำให้ทั้ง 2 องก์ของการแสดงช่างน่าประทับใจ
องก์ที่ 1 สวยงามและยิ่งใหญ่มากกับภาพของสัตว์ทั้งหลาย ที่ต่างมาร่วมชุมนุมกัน ณ ผาทรนง ยามรุ่งอรุณ เฝ้ารอ “มูฟาซา”สิงโตเจ้าแห่งสรรพสัตว์ และ “ซาราบี”ราชินีของเขาที่เพิ่งให้กำเนิดสิงโตตัวผู้และให้ชื่อว่า “ซิมบ้า”
ทั้งตื่นเต้นสุดๆกับฉากการไล่ลา เมื่อ “สการ์” น้องชายจอมวายร้ายของมูฟาซา ร่วมกับพรรคพวกไฮยีนา ที่แสนจะชั่วร้าย กำจัดพี่ชายและซิมบ้า หลานชายของเขา เพื่อหวังครอบครองอาณาจักร และทำให้ซิมบ้ารู้สึกผิดกับการตายของพ่อจนต้องหนีไป จนไปเจอเพื่อนใหม่และอยู่ด้วยกันจนเติบใหญ่ กับประโยคเด็ด “ฮาคูนา มาทาทา” ซึ่งแปลว่าไม่ต้องกังวล ที่คนดูไลอ้อน คิง ทั่วโลกต่างคุ้นหูกันเป็นอย่างดี
องก์ 2 นอกจากภาพความแห้งแล้งของอาณาจักร ภายใต้กฎอันโหดเหี้ยมหละหลวมของสการ์ และความรักอันงดงามเมืี่อสิงโตหนุ่มซิมบ้า สานสัมพันธ์กับนาลา เพื่อนวัยเด็ก ที่เติบโตเป็นสิงโตสาว
รวมถึงการได้ลุ้นไปกับซิมบ้า ที่จะกลับมากู้อาณาจักรคืน กลายเป็นราชาแห่งเหล่าสรรพสัตว์ และวัฏจักรของชีวิตใหม่ที่ดำเนินต่อไป
บอกเลยว่าละครเพลงเรื่องนี้ดูได้สนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่อย่างเราๆ สมราคาความเป็นมิวสิคัลอันดับ 1 ของโลก
ทั้งการเปิดการแสดงในไทยครั้งนี้ ยังเป็นที่จับตามองอย่างมาก ด้วยรอบการแสดงที่เปิดให้เข้าชมยาวนานที่สุด เท่าที่ละครเพลงจากต่างประเทศเคยมาจัดการแสดงในไทยอีกด้วย
ปักหมุดโดย : ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,513 วันที่ 13 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562