บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 3/67 โดยระบุว่า มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 68,892 ล้านบาท ลดลง73,400 ล้านบาท หรือ 51.6 % จากไตรมาส 3 ปี 2566 ที่จำนวน 142,292 ล้านบาท
โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นที่มีผลการดำนินงานลดลง โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดำเนินงานลดลงจากผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่พิ่มขึ้น ซึ่งปตท. และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสต๊อกน้า มันใน ประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่ใน 3Q2566 มีกำไรประมาณ 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 11.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 3Q2566 เป็น 2.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ใน 3Q2567 โดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่กับน้ำมันดิบที่ปรับลดลง
ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการดำเนินงานลดลง จากการรับรู้ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Mark-to-market) ของสินค้าระหว่างการขนส่ง รวมทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีกมีผลการดำเนินงานลดลง ตามกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรและปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลง
ด้านกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง จากธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ตามต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากมีการเริ่มใช้นโยบาย SinglePool ในการคำนวณราคาก๊าซฯ ในปีนี้และปริมาณขายลดลง แม้ว่าราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ประกอบกับผลการดeเนินงานของ บริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซฯ ปรับลดลง โดยหลักจาก บริษัท พีทีทีแอลเอ็นจี จำกัด (PTTLNG) เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2) ขณะที่ธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯ ที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas
นอกจากนี้ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการจองใช้ท่อส่งก๊าซฯ ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อยในไตรมาส 3/67 มีจำนวน 16,324 ล้านบาท ลดลง 14,973 ล้านบาท หรือ 47.8 % จากกำไรสุทธิ จำนวน 31,297 ล้านบาท ในไตรมาส 3/66 ตาม EBITDA ที่ลดลงตามกล่าวข้างต้น ประกอบกับ ในไตรมาส 3/67 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็นขาดทุนประมาณ 9,500 ล้านบาท โดยหลักจากส่วนแบ่งผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จาก บริษัท พีทีทีอาซาฮีเคมิคอล จำกัด (PTTAC) ประมาณ 4,300 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ในกลุ่มบริษัท Vencorex ของ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ประมาณ 3,800 ล้านบาท
ขณะที่ในไตรมาส 3/66 มีการรับรู้ Non-recurring Items สุทธิภาษีตามสดัส่วนของ ปตท. เป็นกำไรประมาณ 40 ล้านบาท โดยหลักจากกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ GC แม้ว้ากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นรวมทั้งภาษีเงินได้ลดลง