เอไอเอส เดินหน้าภารกิจกำจัด E-Waste

เอไอเอส ได้ประกาศภารกิจ “Mission Green 2020” ด้วยการอาสาเป็นแกนกลางในการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์  (E-Waste) อย่างถูกวิธีและยั่งยืน ด้วยเป้าการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนสมมูล  (kgCO2e) พร้อมทั้งปรับปรุงการใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานตั้งแต่ต้นนํ้าจนถึงปลายนํ้าให้คุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

วิธีการลดวิกฤติขยะ E-Waste คือการแยกขยะ ไม่ทิ้งขยะ E-Waste ปนกับขยะทั่วไป โดยนำไปทิ้งในจุดที่รับทิ้งขยะ E-Waste เอไอเอส ได้จัดทำโครงการ #ทิ้ง E-Waste กับ AIS เพื่อเป็นตัวกลางในการรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ 5 ประเภท ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แบตเตอรี่มือถือ สายชาร์จ พาวเวอร์แบงก์ และหูฟัง เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีด้วยกระบวนการ Zero Landfill โดยได้ตั้งจุดรับทิ้งขยะ E-Waste ไว้ตามเอไอเอสช็อปทั่วประเทศ 

ล่าสุด ยังได้ร่วมมือกับบริษัท เทส จำกัด ผู้นำด้านการจัดการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก นำขยะที่ได้รับมา เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยขั้นแรกเทสจะทำการคัดแยกออกมาเป็นชิ้นส่วนต่างๆ หลังจากนั้นจะนำไปเข้ากระบวนการ Zero Landfill (อ่านว่า ซีโร่ แลนด์ฟิล) ซึ่งจะได้ผลผลิตเป็นวัตถุดิบมีค่า อาทิ ทอง เงิน เหล็ก โลหะ ทองแดง อะลูมิเนียม วัตถุดิบที่ได้สามารถผลิตเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีชิ้นใหม่ ลดการฝังกลบที่เป็นมลพิษต่อโลกได้ในระยะยาว

ภารกิจนี้ เอไอเอสไม่ได้เพียงแต่ดำเนินการภายนอกองค์กร แต่จุดเริ่มต้น ปฏิบัติกันตั้งแต่ภายในองค์กร ที่พยายามเลือกใช้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติ มาผสมผสานกับการบริหารจัดการเครือข่าย โดยมุ่งเสาะแสวงหาโซลูชันใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ เช่น การเลือกใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนหมุนเวียนมาใช้แทนถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (พลังงานสิ้นเปลือง)

รวมไปถึงการพยายามควบคุมและลดการใช้ไฟฟ้าในการปฏิบัติงานต่างๆ ลงนอกจากนี้ กับเรื่องเล็กๆ ที่จริงๆ แล้วไม่เล็ก กับการลดใช้ถุงพลาสติกไม่สร้างภาระสังคม กับโครงการ Bag for Sharing ที่นำแผ่นไวนิลโฆษณาที่ไม่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการทำความสะอาดและตัดเย็บขึ้นรูปเป็นกระเป๋าผ้า ไว้ให้บริการพนักงานสำหรับนำไปใช้ระหว่างวัน เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง รวมไปถึงการรณรงค์ให้พนักงานคัดแยกขยะในออฟฟิศเพื่อไม่ให้ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว 

ส่วนภายนอกองค์กร ในจุดบริการลูกค้า เอไอเอสช็อป และเซเรเนดคลับทุกสาขา ได้เปลี่ยนขวดนํ้า หลอด และแก้ว จากเดิมที่เป็นพลาสติก เป็นวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ชานอ้อยหรือไม้ รวมถึงเปลี่ยนไปใช้ถุงพลาสติกชีวภาพที่ผลิตจากพืช ซึ่งได้รับเครื่องหมายรับรอง GC Compostable บ่งบอกถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ   

เรียกว่า พยายามปิดทุกช่องทาง ทำให้เกิดการกำจัดขยะและลดการเกิดขยะอย่างจริงจัง ซึ่งไม่เพียงแค่ขยะอิเลคทรอนิกส์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงขยะพลาสติก ซึ่งทุกอย่างต้องถูกบริหารจัดการอย่างถูกวิธี

หน้า 22-23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,530 วันที่ 12 - 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562