ความสำเร็จ ‘ธนจิรา’ ให้โอกาส ส่งต่อความรู้สร้างคนและธุรกิจยั่งยืน
ในยุคที่ถุงผ้ากำลังมาแรง หลายๆ คนคงได้เห็นสาวๆ กทม. มีถุงผ้าลายดอกไม้โตๆ สีสันสะดุดตา เดินผ่านไปมาอยู่เป็นระยะ ถุงผ้าธรรมดาๆ ที่ดูโดดเด่นนี้ เป็นที่รู้จักกันในนามแบรนด์ Marimekko จากฟินแลนด์ และยังมีแบรนด์ Pandora เครื่องประดับจากเดนมาร์ก, Cath Kidston แบรนด์ไลฟ์สไตล์โมเดิร์นวินเทจจากอังกฤษ
รวมไปถึง HARNN แบรนด์บอดี้แคร์ ที่เหล่าสาวๆ คนอินเทรนด์รู้จักเป็นอย่างดี แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า แบรนด์ไลฟ์สไตล์พรีเมียมเหล่านี้ ถูกบริหารโดย “ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TANACHIRA
ชายหนุ่มวัย 43 ปี ที่ผันตัวเองจากวาณิชธนกิจ มาสู่การเป็นเจ้าของและผู้บริหารแบรนด์ไลฟ์สไตล์เก๋ๆ เหล่านี้
“ธนพงษ์” เล่าย้อนหลังให้ฟังว่า ที่บ้านมีธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และมีโรงงานเล็กๆ หลังจากเรียนจบวิศวะ โยธา มาจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ก็กลับมาทำงานวาณิชธนกิจในระยะสั้นๆ ก่อนออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการบริหารแบรนด์ Kate Spade จากอเมริกา เมื่อปี 2552 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจรีเทลของผู้ชายคนนี้
“ผมเป็นคนที่จริงจัง เมื่อทำแบรนด์ Kate Spade สักพัก ก็ได้แบรนด์ Pandora มาทำ ตอนนั้นจึงตั้งบริษัทขึ้นในปี 2554 ขยายไปเรื่อยทั้งสาขาและสร้างแบรนด์ รายได้ที่เข้ามาก็ใส่กลับเข้าไป จนกระทั่งเริ่มมีแบรนด์ Marimekko ต่อจิ๊กซอว์ไปจนปี 2560 ได้แบรนด์ Cath Kidston เข้ามาเพิ่มพอปี 2561 ก็ซื้อแบรนด์ HARNN เข้ามาอีก”
เส้นทางการขยายธุรกิจ “ธนพงษ์” มองทุกอย่างเป็นระบบมีขั้นมีตอน ปี 2559 เขาเริ่มสร้างความชัดเจนด้านภาพลักษณ์ และมาตรฐานการจัดการองค์กร และมีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งกันยายน 2563 นี้ เตรียมจะยื่นไฟลิ่ง
เจ้าของธุรกิจคนนี้ บอกว่า เขาคิดอย่างเดียวในตอนเริ่มต้นว่า องค์กรของเขาต้องมีมาตรฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นบอร์ดบริหาร จะเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านจริงๆ ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ภรรยา และไม่มีคนนามสกุลเดียวกัน ที่นี่เปิดโอกาสให้คนทำงานที่มีความสามารถได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ และสิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุด คือ บุคลากร เขาจึงหาคนมาช่วยดูแลสายงานบริหารทรัพยากรบุคคลตั้งแต่เริ่มต้น
“ธนพงษ์” มองการทำธุรกิจแบ่งเป็นช่วงๆ ในช่วง 5 ปีแรก เขาบอกว่าทำเหมือนเถ้าแก่ ลุยหาเงิน ติดต่อธุรกิจ ตอนนี้อยู่ในช่วงปลายของ 5 ปีที่สอง เป็นยุคของการก่อสร้างวางระบบระเบียบให้องค์กร รวมทั้งระบบการทำงาน พอเริ่มเข้าสู่ 5 ปีที่สาม ต่อเนื่องในปี 2564 มันคือยุคของความเป็นมหาชนที่แท้จริง และจะเป็นช่วงของการสร้างแบรนด์ “ธนจิรา” ให้คนรู้จัก อย่างจริงจัง
ที่ผ่านมา ธนจิราเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำธุรกิจเพียง 5 ปี รายได้เติบโตเป็นระดับพันล้านบาท เพราะฉะนั้น การสร้างแขนขาที่เข้ามาทำหน้าที่ร่วมบริหารงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่การจะดึงให้คนเก่งๆ เหล่านั้น อยู่กับองค์กรได้ยาวๆ ก็ต้องสร้างองค์กรให้พร้อมและมีความยั่งยืนเสียก่อน จึงจะดึงคนเหล่านั้นเข้ามาร่วมงานได้
ในฐานะผู้นำองค์กร ขณะนี้ “ธนพงษ์” รับบทค่อนข้างหนัก ทั้งการจัดระบบระเบียบหลังบ้าน และการเดินหน้าธุรกิจให้เติบโต และแข่งขันได้ เขาพูดขำๆ ว่า...ก็ต้องเป็นซูเปอร์แมน
การจะเป็นซูเปอร์แมน ทำหน้าที่ดูแลทุกสิ่งอย่างได้ ก็ต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพราะไม่ใช่เพียงงานบริษัทเท่านั้น แต่ในฐานะผู้นำครอบครัว และการใช้ชีวิตประจำวันที่ต้องติดตอโน้น นี่นั่น สุขภาพร่างกายถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และด้วยความเป็นคนจริงจังมีระบบระเบียบ เขาจึงกำหนดเวลาการออกกำลังกายชัดเจน 6 วัน มีเทรนเนอร์แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว
“ธนพงษ์” บอกว่า เขาไม่ได้ตั้งความหวังว่า ธนจิราจะต้องเป็นองค์กรที่ใหญ่โตระดับไหน ...“จุดสุงสุดของธนจิรา ผมบอกไม่ได้จริงๆ มันยังอีกไกล มันไม่ใช่เรื่องตัวเลขนะ แต่ถ้าให้นิยามถึงความสำเร็จ มันคือความสำเร็จและความสุขของคนที่ผมได้บริหารงาน นั่นคือ ความสำเร็จของผม”
“ผมมองตัวเองเหมือนครู ผมคือ โค้ช คนให้ความรู้ จูนให้เขาได้ก้าวหน้า ไปได้ถูกทิศถูกทาง โดยที่เขาไม่ต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิต” ...นี่คือความตั้งใจของผู้บริหารคนนี้ ซึ่งมันจะสะท้อนไปสู่การดำเนินธุรกิจและการสร้างองค์กรที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ณ วันนี้ ธนจิรา ยังมีแผนขยายตัวไปอีกเรื่อยๆ ทั้งการนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ ที่ “ธนพงษ์” มองว่า ต้องขยายทั้งแนวลึก และแนวกว้าง ขยายไปในเซ็กเมนต์ใหม่ๆ และขยายแคติกอรี รวมไปถึงการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ ภายใต้การเป็น ไลฟ์สไตล์โฮลดิ้ง คัมปานี
หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,552 วันที่ 27 - 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
