ธนจิราเร่งปรับตัวพลิกเกมสู้ศึกโคโรนา

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทลคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TANACHIRA เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤติไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากปีที่แล้วที่สภาพเศรษฐกิจซบเซาอยู่แล้ว แต่พอเดือนมกราคม 2563 บริษัทสามารถปรับตัว ผลักดันยอดขายได้เติบโตอย่างสวยงาม หากแต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา อารมณ์การจับจ่ายหายไปเรื่อยๆ บริษัทจึงเร่งปรับแนวทางแก้ไข โดยแผนการตลาดเดิมที่วางไว้ ยังคงเดินหน้า เพียงแต่ต้องคิดแผนการตลาดเพิ่มเติม 

"สิ่งที่แก้ไข คือ เรามองที่เดือนมีนาคม จะเอาเป้ายอดขาย กุมภา ให้มีนา ช่วยยังไง เราต้องมองจาก 30 วันเป็น 60 วันแหละ เพื่อให้ทรัพยากรไหลไปที่มีนาคมด้วย" นายธนพงษ์กล่าว "ผมยังเชื่อว่า เรื่องที่เจอจะเป็นระยะสั้น อารมณ์การจับจ่ายของคนที่มันอัดอั้น คนอยากซื้อของ อยากออกไปช้อปปิ้ง มีความสุขกับครอบครัว ไม่อยากอยู่กับปัญหาเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ...เราก็ต้องเตรียมตรงนี้ไปล่วงหน้า ผมต้องคิดปรับตัวเองให้ทันกับเวลา อย่างเดือนมีนา ปกติไม่มีแคมเปญใหญ่ ก็ต้องมาดูว่า เราจำเป็นต้องมีไหม อย่างน้อยกระตุกให้คนออกมาจากมุมของเขา มาที่ร้านเรา และเห็นถึงโปรโมชั่น หรือแคมเปญที่เรานำเสนอว่าน่าสนใจหรือไม่"

ล่าสุด  Marimekko ได้เปิด Outlet แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 ที่ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ภายใต้คอนเซปต์ “Bangkok Luxury Outlet” แบรนด์ Marimekko แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์จากประเทศฟินแลนด์ จึงได้จัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดสูงสุดถึง 60% ในไลน์สินค้าประเภทต่างๆ และยังมีสินค้า Exclusively Made for Outlet ที่มีขายเฉพาะ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ต แห่งเดียว รวมไปถึงการจัด One-Price Marimekko Tote Bag กระเป๋าผ้ามารีเมกโกะราคาเดียว ตั้งแต่วันนี้ – 30 เม.ย. 2563

นายธนพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา แต่ละแบรนด์ที่บริษัททำการตลาด มีการเติบโตต่อเนื่อง อย่าง Pandora 8 ปี เติบโตมียอดขายกว่า 800 ล้านบาท Marimekko กำลังเติบโตได้ดี ก็นำราไยด้ไปซื้อ แบรนด์ Cath Kidson มาอีก 300 ล้านบาท และซื้อ HARNN มาอีก 400 ล้านบาท ในช่วงนี้เราจึงรอเวลานิดหนึ่ง ต้องทำความเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง และทำอย่างไรให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด อย่างปี 2562 ยอดขายรวมบริษัทติดลบ 10% ในขณะที่บริษัทอื่นเลือดสาด สำหรับปีนี้กำลังพยายามปรับตัว และเชื่อมั่นว่ามันจะดีขึ้น ซึ่งคาดว่าธนจิราจะสามารถเติบโตได้ราว 15%