นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกษตรกร อำเภอบ้านตาขุม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมเกษตรกรชาวสวน ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ตำบลพรุไทย อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี กลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งโพรง เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ สร้างรายได้ทดแทนจากการทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสวนผลไม้ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างรายได้มากกว่าการทำสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันกว่า 40 เปอร์เซ็นต์
นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกลุ่มผู้เลี้ยงผึ่งโพรง กลุ่มพรุไทยฮันนี่บี ซึ่งมีสมาชิกกว่า 30 ราย ทำการเลี้ยงผึ้งในสวนผลไม้ และบริเวณโดยรอบบ้าน หลังละไม่น้อยกว่า 40 รัง เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัวในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ทุกคนอยู่กับครอบครัว การเลี้ยงผึ้งสร้างรายได้ให้กับครอบครัว เดือนละไม่น้อยกว่า 10,000 บาท เฉลี่ย 3 เดือนจะเก็บผึ้งครั้งหนึ่ง 40 รัง มีรายได้รอบละสี่หมื่นกว่าบาท ปีละแสนกว่าบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่ทำให้เกษตรกรเลี้ยงครอบครัวได้ในช่วงไวรัสโควิด-19 นอกจากจะขายในประเทศทางออนไลน์ในช่วงนี้แล้ว ยังส่งออกขายยังต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะส่งออกไปยังประเทศจีน มาเลเซีย เป็นต้น
ด้านนายอินท์โชติ สุชาติ อายุ 43ปี บ้านเลขที่13 หมู่ที่ 4 ต.พรุไทย อ.บ้านตาขุน ประธานกลุ่มพรุไทยฮันนี่บี กล่าวว่า เดิมพวกตนได้รวมกลุ่มกันเลี้ยงผึ้งเพียง 15 ราย เท่านั้น แต่เมื่อได้นำออกขายและมีรายได้ ทำให้มีการเลี้ยงผึ้งเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 40 ราย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกลุ่มจะติดคิวอาร์โค้ดทุกกล่อง หรือทุกขวด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถที่จะรู้ถึงที่มาของน้ำผึ้งได้ ทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า และเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการทำสวน จะเห็นว่าการเลี้ยงผึ้งสามารถสร้างรายได้ดีกว่าการทำสวนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นรายได้ที่เกษตรกรรับได้ โดยเฉพาะในช่วงโควิด 19 ระบาด.