แนะหญิงตั้งครรภ์ใช้ยาต้านโควิดเลี่ยงให้นมบุตร

10 พ.ค. 2563 | 09:18 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2563 | 03:33 น.

กรมอนามัย เผย หญิงตั้งครรภ์เข้าข่ายสงสัย -ติดเชื้อโควิด-19 สามารถให้นมบุตรได้ แต่ในรายที่ใช้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ –ดารุนาเวียร์ ยาถูกขับออกทางน้ำนม เป็นไปได้ควรเลี่ยงให้นมลูก

10 พฤษภาคม 2563 พญ.พรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงการเฝ้าระวังเชื้อโควิด-19ในประเทศไทยได้มีการสอบถามผ่านสายด่วนรัฐบาล 1111 ว่า ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 นั้น สามารถให้นมลูกได้หรือไม่นั้น ซึ่งจากข้อมูลขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสามารถติดผ่านทางรกหรือทางน้ำนมได้ กรณีแม่เป็นผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อหรือได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อโควิด-19 จึงสามารถให้นมลูกได้ โดยองค์การอนามัยโลก(WHO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(UNICEF) มีคำแนะนำว่า หากแม่ที่ติดเชื้อมีอาการไม่มากสามารถให้นมจากเต้าได้ก็ควรทำแต่ต้องมีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัดโดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมืออย่างถูกวิธี ห้ามใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูกหรือปากรวมถึงการหอมแก้มลูกด้วยกรณีที่แม่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง เช่น ไอมาก แต่ยังสามารถบีบเก็บน้ำนมได้ ควรให้พ่อหรือผู้ช่วยเป็นผู้ป้อนนมแก่ลูกแทน โดยหากมีผู้ช่วยจะต้องเป็นผู้ที่มีสุขภาพดี มีทักษะ ความรู้และเข้าใจหลักการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้ออย่างเคร่งครัด การบีบน้ำนมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แม่ยังคงสภาพในการให้นมแก่ลูกได้เมื่อหายป่วยแล้ว ทารกที่เกิดจากแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19  จัดเป็นผู้มีความเสี่ยงจะต้องมีการแยกตัวออกจากทารกอื่นและต้องสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน

ทั้งนี้ ยังไม่พบหลักฐานที่มีรายงานทางการแพทย์ว่าแม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการและแสดงอาการแตกต่างจากคนทั่วไปหรือมีความเสี่ยงสูงที่โรคจะรุนแรง ยกเว้นในรายที่อ้วนหรือมีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ดีอยู่เดิม ผลของโรคต่อการตั้งครรภ์ยังสรุปไม่ได้ชัดเจน เนื่องจากข้อมูลมีจำกัด แต่มีความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ เพิ่มความรุนแรงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษและเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การรักษาขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค เป็นการรักษาตามอาการ และการใช้ยาต้านไวรัสมีหลายชนิด ซึ่งการพิจารณาใช้ยาต้านไวรัสจึงต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับ สำหรับยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)มีการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า ยาสามารถผ่านรกและถูกขับออกทางน้ำนมได้ ทำให้เกิดความพิการแก่ตัวอ่อนในสัตว์ทดลอง

ส่วนยาต้านไวรัสดารุนาเวียร์ (Darunavir) สามารถผ่านทางน้ำนมได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังในการพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ที่จะได้รับและสื่อสารกับหญิงตั้งครรภ์และญาติให้เข้าใจกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)และดารุนาเวียร์ (Darunavir)หากเป็นไปได้ควรเลี่ยงการให้นมลูกในระหว่างที่ได้รับยาด้วยส่วนการให้ยาต้านไวรัสชนิดอื่น ๆ หญิงหลังคลอดยังสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ อธิบดีกรมอนามัย กล่าว