"หมอธีระ" เตือน"ชุมนุมทางการเมือง" แหล่งแพร่เชื้อโควิด แนะรัฐเปิดช่องนำส่งผู้บริหารบ้านเมือง 

16 ส.ค. 2563 | 01:53 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ส.ค. 2563 | 10:11 น.

หมอธีระ ห่วง"ชุมนุมทางการเมือง" แหล่งแพร่เชื้อโควิด แนะรัฐเปิดช่องทางต่างๆ ให้คนทุกเพศวัยสามารถนำส่งสู่ผู้บริหารบ้านเมืองในกรณีที่เห็นต่าง พร้อมเตือนการแพร่เชื้อจากเด็กหลังเปิดเรียน ชี้ต้องป้องกันอย่างเคร่งครัด

16 ส.ค.63 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด 16 สิงหาคม 2563 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ว่า

 

สถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก 16 สิงหาคม 2563
ติดเพิ่มอีก 261,898 คน ยอดรวม 21,581,029 คน ตายเพิ่มอีก 5,579 คน
อีกประมาณสองวันจะแตะ 22 ล้าน

 

อเมริกา ติดเพิ่ม 54,068 คน รวม 5,526,045 คน ตายเพิ่มถึง 1,104 คน ทาง US CDC ออกมาแจ้งเตือนว่า ข้อมูลในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่ามีจำนวนเด็กที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังมีการเปิดเรียน และการวิจัยพบว่าปริมาณไวรัสในลำคอของเด็กนั้นมีปริมาณมากกว่าหรือเท่ากับผู้ใหญ่ โอกาสที่เด็กจะแพร่ให้กับสมาชิกในครัวเรือน หรือในกิจกรรมแค้มป์และกิจกรรมกลุ่มต่างๆ นั้นมีสูง จึงต้องมีการป้องกันอย่างเคร่งครัด...เมืองไทยเปิดเรียนไปวันก่อน ขอให้ผู้ปกครอง ครู และเด็กๆ ดูแลตนเองอย่างดีนะครับ เพราะหากระบาดขึ้นมาจะกระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว

 

บราซิล ติดเพิ่ม 41,576 คน รวม 3,317,096 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 63,986 คน รวม 2,589,208 คน 
รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,061 คน รวม 917,884 คน อีกประมาณสองสัปดาห์ รัสเซียน่าจะแตะ 1 ล้าน เพราะจำนวนการติดเพิ่มเท่าๆ เดิมมาตลอดทุกวันไม่ลดลง

แอฟริกาใต้ติดเพิ่ม 4,500 เม็กซิโก 5,600 ส่วนเปรู 8,300 ทั้งสามประเทศนี้เกาะกลุ่มติดเชื้อยอดรวมราวห้าแสนกว่าๆ
สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมถึงญี่ปุ่น รายงานติดเชื้อเพิ่มหลักพันถึงหลายพัน 
ฝรั่งเศสตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก ติดเพิ่มแตะสามพันต่อวัน และกำลังมีการพิจารณามาตรการให้ประชาชนใส่หน้ากากในสถานที่ทำงานที่มีคนทำงานร่วมกัน (Masks at Work Policy) เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการติดเชื้อ
หลายประเทศในยุโรป รวมถึงปากีสถาน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ติดกันหลักร้อย

ส่วนจีน ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ยังไม่ดีขึ้น แต่ยังเกาะหลักสิบ
นิวซีแลนด์ เมื่อวานยังมีรายงานพบคนติดเชื้อเพิ่มอีก 7 คน ทางการของเค้ายืนยันว่า การตัดสินใจล็อคดาวน์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่พบการติดเชื้อใหม่ในประเทศ เป็นมาตรการที่ถูกต้อง และไม่มีมาตรการอื่นที่จะทดแทนได้ เราคงต้องเอาใจช่วยให้เค้าควบคุมได้โดยเร็ว

 

สรุปสั้นๆ...ตอนนี้มองไปนอกประเทศไทย ถือว่ามีความเสี่ยงสูงรอบด้าน 

 

การแง้มประตูประเทศให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ เข้ามาในประเทศไทยนั้นทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก ขณะเดียวกันสถานการณ์ภายในประเทศที่มีการปลดล้อคแทบทุกกิจการกิจกรรม ก็ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด ที่น่าห่วงที่สุดคือ การชุมนุมทางการเมือง

 

สิทธิพลเมืองในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็น เพื่อพัฒนาประเทศนั้น รัฐควรรับฟัง โดยมีช่องทางต่างๆ ที่ให้คนทุกเพศทุกวัยได้นำส่งสู่ผู้บริหารบ้านเมือง ในกรณีที่เห็นต่างกัน การมีเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างเป็นกิจจะลักษณะและดำเนินการอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรมนั้น ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง

 

ส่วนการชุมนุมที่แต่ละฝ่ายจัดนั้น โปรดระมัดระวังเรื่องการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ให้ดี เพราะโรคนี้ติดง่ายกว่าไข้หวัดใหญ่ เป็นแล้วตายได้ ยังไม่มียารักษามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน 

 

จะติดกันได้ เพราะ แออัด...ใกล้ชิด...ตะโกนตะเบ็ง...หยิบจับใช้ของร่วมกัน...แชร์ของกินแก้วน้ำหลอดดูด...เอามือไปล้วงแคะแกะเกาตาจมูกปาก...ไอจาม...

 

หน้ากากอนามัย...ไม่สามารถกันไวรัสได้ 100% นะครับ ดังนั้นการไม่ชุมนุมก็จะตัดความเสี่ยงของการระบาดได้

แต่หากใครไปสถานที่ชุมนุม ก็ขอให้มีสติ ระมัดระวัง ไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย ใช้เวลาน้อยๆ พกเจลล้างมือ ไม่ตะโกนตะเบ็ง ไม่แชร์ของกินของใช้ รักษาระยะห่างได้จะดีมาก

 

และสำคัญที่สุดคือ หลังจบกิจกรรม ขอให้สังเกตอาการตนเองสองสัปดาห์ หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย...มีอาการใดอาการหนึ่ง ก็ขอให้ไปพบแพทย์ ขอตรวจโควิดด้วยนะครับ จะได้รับการดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ และช่วยกันตัดวงจรการระบาดได้ด้วย

 

ประเทศไทยต้องทำได้

ด้วยรักต่อทุกคน

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย