หมอแนะกลับจากชุมนุม สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน

17 ส.ค. 2563 | 19:05 น.

หมอชี้การใส่หน้ากากอนามัย ไม่ได้การันตีว่าปลอดภัย แนะกลับจากชุมนุม สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน

เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19   โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า

 

มายาคติ 1...คือการเชื่อว่า ประเทศไทยปลอดโควิดแล้ว

มายาคติ 2...คือการเชื่อว่า ระลอกสองกรูจะจัดการได้เหมือนระลอกแรก

มายาคติ 3...คือการใส่หน้ากากไปชุมนุมกันแล้วจะปลอดภัย

...เคสมาเลเซียล่าสุด ที่เดินทางกลับจากไทย ตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ แต่ตรวจครั้งที่สองพบว่าติดเชื้อ ตรวจโดยวิธี RT-PCR ดังที่เป็นข่าวนั้น ข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อ บอกว่า อาศัยในคอนโดมีเนียม และคาดว่าคงเป็นในเมือง ตอนนี้ฝ่ายไทยกำลังขอข้อมูล และสอบสวนโรคอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"หมอธีระ" เตือน"ชุมนุมทางการเมือง" แหล่งแพร่เชื้อโควิด

พุ่งไม่หยุด เกาหลีใต้พบติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 197 ราย ยอดรวมแตะ 15,515 ราย

นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 9 ราย

นายกฯ กีวี เลื่อนเลือกตั้งหลังโควิดระบาดหนัก 

เคสนี้ตอกย้ำให้เราคิด ใคร่ครวญอย่างมีสติ แล้วจะพบว่าถ้าเป็นจริงตามข่าว ความเสี่ยงที่มีการติดเชื้ออยู่ในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ

สอดคล้องกับหลักทางการแพทย์ที่อธิบายกันไปหลายหนแล้วว่า คนที่ติดเชื้อนั้น 20% จะไม่มีอาการ 65% จะมีอาการน้อยคล้ายหวัดหรือหวัดใหญ่ ซึ่งทั้งสองกลุ่มข้างต้นนี้ มักไม่ทราบ หรือไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด และมักไม่ได้ไปตรวจ

การไม่ได้ไปตรวจนี้เอง ที่ทำให้สามารถแพร่ไปสู่คนอื่นๆ ในสังคมได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งตัวคนแพร่ และเหยื่อที่ติดในคิวถัดๆ ไป

เหลือรอแค่แจ็คพอตว่า ใครติดเชื้อแล้วจะเป็น 15% ที่เหลือ ที่อาการรุนแรง ปอดอักเสบ ไข้สูง หอบเหนื่อย และหามไปโรงพยาบาล ซึ่งกว่าจะไปถึงตอนนั้น คนรอบข้างก็มักติดกันงอมแงมแล้ว

นี่คือชะตาชีวิตของโรคระบาดระลอกสองที่หลายประเทศกำลังมะงุมมะงาหรากันอยู่จนหัวปั่น

เกาหลีใต้...คุมได้มา 5 เดือนในระดับสองหลัก ตอนนี้พุ่งไปสามหลัก กำลังดูเหมือนจะระบาดหนัก ถือว่ามากสุดตั้งแต่ในมีนาคมเป็นต้นมา

เวียดนาม...ผ่านมานานหลังจากระบาดระลอกสองที่ดานัง ลามไปหลายเมืองทั่วประเทศ ตอนนี้ก็ติดเพิ่มสองหลักอยู่ตลอดทุกวัน และแถลงว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้แพร่ไวกว่าเดิมถึง 6 เท่า

มาเลเซีย...ระบาดระลอกสอง ตอนนี้ลามไปทั่วประเทศ ล่าสุดแถลงว่าไวรัสระลอกสองนี้แพร่ไวกว่าเดิม 10 เท่า

ญี่ปุ่น...ระลอกสองนี้เป็นมานานหลายสัปดาห์ ตอนนี้ติดวันละพันกว่าคน กระจายไปทั่วประเทศเช่นกัน

เฉกเช่นเดียวกับยุโรป ที่แต่ละประเทศตอนนี้ติดเพิ่มอยู่หลักหลายร้อยไปถึงหลายพันต่อวัน และยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการได้ในเร็ววัน หลายประเทศต้องหันมาปิดผับบาร์ บางประเทศกำลังบังคับให้ใส่หน้ากากในสถานที่ทำงาน บางประะทศบอกมาตรงๆ แล้วว่า การให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาระหว่างกัน ทำให้ระบาดหนัก และมีจำนวนมากที่ตรวจแล้วผลบอกว่าติดเชื้อ แต่ติดตามตัวไม่ได้ ไม่รู้เดินทางไปที่ไหน

โรคนี้ติดกันจากการพบปะเจอหน้าติดต่อกัน ใกล้ชิด แออัด พูดคุยใส่กัน แชร์ของกินของใช้กัน ไอจามใส่กัน ล้วงแคะแกะเกาตาจมูกปาก

แค่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการมีคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นก็มากเกินกว่าระบบจะจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวแล้ว...เราทุกคนในประเทศควรใช้สติในการดำรงชีวิต

การชุมนุมกันนั้นเป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของพลเมือง แต่ขอให้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีจากการชุมนุมด้วยเสมอนะครับ

การใส่หน้ากากนั้น ไม่ได้การันตีว่าปลอดภัย...เพราะหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ไม่สามารถกันไวรัสได้ 100%

ยังมีโอกาสติดจากการใกล้ชิดแออัด ละอองฝอยของน้ำลายจากการตะโกนตะเบ็ง รวมถึงโอกาสแพร่เชื้อจากการหยิบจับไมโครโฟน โทรโข่ง ของกิน ของใช้ ป้ายต่างๆ ย่อมมีเสมอ

ดังนั้น หากเลี่ยงได้ก็จะดีมาก แต่หากจะไปชุมนุม โปรดใส่หน้ากากเสมอ อย่าถอดหากไม่จำเป็น ไปร่วมกิจกรรมโดยใช้เวลาสั้นๆ พกเจลล้างมือและใช้ล้างบ่อยๆ หากรักษาระยะห่างได้บ้างก็ดี แต่หากไม่ได้ ก็ขอให้จำไว้อย่างสุดท้ายที่สำคัญมากคือ พอจบการชุมนุมแล้ว โปรดสังเกตอาการตนเองหลังจากนั้น 14 วัน ว่ามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสียบ้างหรือไม่

หากมีอาการใดอาการหนึ่ง ขอให้เรารักตัวเอง รักคนใกล้ชิดในครอบครัว โดยให้หยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจรักษา ไปหาหมอบอกเรื่องความเสี่ยงที่เราสัมผัสมา และขอให้ตรวจโควิด จะได้รักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และช่วยลดโอกาสระบาดระลอกสองในสังคมครับ

หลายประเทศเจอระบาดซ้ำ จากการชุมนุมมาแล้ว เช่น อเมริกา ยุโรป ฯลฯ เพราะครบองค์ของความเสี่ยงคือ แออัด ใกล้ชิด ตะโกนตะเบ็ง แชร์ของกินของใช้ ล้วงแคะแกะเกา

ไทยเรา...ก็จะหนีไม่พ้นการระบาดซ้ำ ถ้าเดินตามรอยเค้า

ระบาดซ้ำ หนัก จัดการยาก ยาวนาน และส่งผลกระทบมากมาย

เรามีทรัพยากรที่จะสู้กับระลอกสองได้ไม่นานครับ ขอบอกตรงๆ

ดังนั้น ความเสี่ยงมันสูงมากตอนนี้ ต้องช่วยกันป้องกัน ไม่ได้ห้ามหากจะทำกิจกรรม แต่ขอให้ทำอย่างปลอดภัย รักตัวเองและคนใกล้ชิด

ประเทศไทยต้องทำได้