หอฯเชียงใหม่ดัน10 แผนประคองเศรษฐกิจยาวถึงปีหน้า

หอการค้าชี้เศรษฐกิจเชียงใหม่หดตัวยาวถึงปีหน้า ภาคท่องเที่่ยวฟื้นช้าสุด ฝากความหวังเม็ดเงินกระตุ้นภาครัฐต่อชีพจร เคลื่อน 10 แผนงาน ประคองเศรษฐกิจในพื้นที่
 

หอการค้าเชียงใหม่ชี้เศรษฐกิจ 3 ไตรมาสปี 2563 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 หดตัวมาก  สาขาท่องเที่ยวฟื้นตัวช้าที่สุด ทำให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของเชียงใหม่หายไปจากระบบไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท หวังปัจจัยรอดหลักจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ที่มีประสิทธิภาพ ลงลึกถึงเศรษฐกิจชุมชน สร้างการจ้างงานในพื้นที่ ชี้การเตรียมรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA : STV) แบบจำกัดในพื้นที่เชียงใหม่ต้องรอบคอบ และมีมาตรการที่รัดกุม หากทำได้จะเป็นพื้นที่ต้นแบบกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้ 
 นายวโรดม ปิฎกานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจจังหวัดเชียงใหม่ปีนี้ และแนวโน้มปี 2564 หดตัวมาก ได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการควบคุมโรคระบาด ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศเป็นสำคัญ จากที่เชียงใหม่พึ่งการท่องเที่ยวสูง เม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบทั้งปีหายไปไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท
 

ส่วนปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจเชียงใหม่ในปี 2564 จะสอดคล้องกับเศรษฐกิจมหภาค คือขึ้นอยู่การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่รุนแรงในไทย หากไม่มีการระบาด โอกาสการฟื้นตัวจะเร็วขึ้น รวมถึงปัจจัยเรื่องวัคซีน การใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่มีประสิทธิ ภาพ และการเตรียมพร้อมเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น 

 “ล่าสุดเชียงใหม่ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในการจัดเตรียมที่พักแบบ Alternative Local Quarantine (ALQ) สำหรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA: STV) แบบจำกัดจำนวน ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่าอากาศยานเตรียมความพร้อม ที่จะรับเที่ยวบินระหว่างประเทศวันละ 2 เที่ยวบิน หรือไม่เกินวันละ 400 คน
  ในประเด็นนี้เราจะต้องรอบคอบและมีมาตรการที่เข้มงวด ซึ่งหากดำเนินการได้โดยไม่ส่งผล
กระทบต่อมาตรการด้านสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง หอการค้าฯจะร่วมกำหนดมาตรการปฏิบัติของจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป ซึ่งหากดำเนินการได้จะเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าภายในปีนี้ยังคงไม่สามารถดำเนินการได้ทัน”
 

ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวต่อว่า ในช่วง 3 ไตรมาสปีนี้ พบว่าการบริโภคภาคเอกชนหดตัวมาก ตามกำลังซื้อโดยรวมที่ลดลง เป็นผลจากมาตรการควบคุมโรคระบาดและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำ การลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนด้านก่อสร้างและลงทุนในเครื่องจักและอุปกรณ์ ด้านการก่อสร้างทั้งอาคารสูงและแนวราบหายไป จากผลของ COVID-19  การซื้อของลูกค้าในประเทศมีประปรายเนื่องจากขาดสภาพคล่อง ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ชะลอการลงทุนโครงการใหม่ออกไปก่อน ขณะที่มาตรการเยียวยาภาครัฐช่วยพยุงการบริโภคเพียงบางส่วน การใช้จ่ายสินค้าลดลงทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะหมวดบริการ สินค้าในชีวิตประจำวัน และหมวดยานยนต์หดตัวมากทุกประเภท 
 

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2564 ขึ้นอยู่กับมาตรการและนโยบายกระตุ้นของภาครัฐเป็นเรื่องหลัก ได้แก่ การกระตุ้นกำลังซื้อภาคชาวบ้านผ่านราคาสินค้าเกษตร และกำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย การกระตุ้นด้านการคลัง เพิ่มการใช้จ่ายทดแทนการลงทุนภาคเอกชน การดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนและสามารถแข่งขันได้  โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือกลุ่มที่มีความเปราะบางและ SME ซึ่งล่าสุดออกมาตรการด้านการสร้างแรงงานตามโครงการ 1 มหาวิทยาลัย 1 ตำบล ก็จะช่วยให้แรงงานและนักศึกษาจบใหม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้น   
 

ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หอการค้าเชียงใหม่จะขับเคลื่อนการกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ผ่านกิจกรรม 10 แผนงาน (รายละเอียดตามตาราง)  จากปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2564 เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ร่วมกับภาครัฐ อาทิ
 กระตุ้นภาคท่องเที่ยวเชียงใหม่โดยนักท่องเที่ยวไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจากการสำรวจพบว่าเชียงใหม่ยังเป็นจุดหมายการเดินทางหลักยอดนิยมของคนไทย และการมีเส้นทางบินใหม่ข้ามภูมิภาค เพิ่มโอกาสดึงดูดคนไทยเที่ยวเชียงใหม่ให้ฟื้นกลับมาเท่ากับก่อนเกิดโควิดที่สร้างรายได้ 70,000 ล้านบาท ผนวกกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ-สุขภาวะ ที่เชียงใหม่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมในการรองรับ จากจำนวนสถานบริการสุขภาพถึง 1,500 แห่ง ครอบคลุมทุกระดับ พร้อมบุคลากรทั้งหมอ พยาบาล ทันตแพทย์ นักบริบาล มีร้านนวด สปา นวดแผนไทย การวิจัยพัฒนา และที่พักลองสเตย์ พร้อมบริการที่จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 30,000 ล้านต่อปี

 

ยังมีความร่วมมือกับสถาบัน วิจัย เพื่อคิดค้นเทคโนโลยีสร้างนวัตกรรม ไปยกระดับผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการพัฒนา เช่น โครงการสร้างสรรค์คุณค่าเครื่องสำอางตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น ที่หอการค้าร่วมกับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว) ที่จะร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์นวอัตลักษณ์เครื่องสำอาง ประเทศไทยให้มีความโดดเด่น การจับมือกับ โครงการ TCEL และศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำโครงการเวชนคร เพื่อสร้างความเป็นเลิศด้านการแพทย์ ส่งเสริมเป็นเมืองสุขภาพ เป็นต้น

 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 17 ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,618 วันที่  15-17 ตุลาคม พ.ศ. 2563 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

วว.เจียระไน‘ครีมมะขาม’พะเยา

ระดมสมองเร่ง ฟื้นท่องเที่ยว หลังโควิด เชียงใหม่บุก‘Gastronomy tourism’-ระนองมุ่ง‘เที่ยวปลอดภัย’

ชู"เชียงใหม่โมเดล"นำร่องคลายล็อกธุรกิจ