ลงทะเบียน "คนละครึ่ง" รับสิทธิ์ 3,000 บาท กับ 5 ข้อที่คุณควรรู้

16 ต.ค. 2563 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ต.ค. 2563 | 06:16 น.

เปิด 5 ข้อควรรู้ ก่อนลงทะเบียน โครงการ "คนละครึ่ง" ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ใช้เบอร์โทรศัพท์ซ้ำกัน เปลี่ยนเบอร์ได้หรือไม่ ลงทะเบียนผ่านช่องทางใด รู้ผลภายในกี่วัน ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถลงทะเบียนได้หรือไม่

16 ตุลาคม 2563 กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการ "คนละครึ่ง" ผ่าน www.คนละครึ่ง.com เป็นวันแรก ตั้งแต่เวลา 6.00-23.00 น. เพื่อรับเงินสนับสนุนจากภาครัฐร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยกำหนดจำนวนผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในโครงการนี้ 10 ล้านคน 

 

โดยกระทรวงการคลัง ได้สรุปประเด็นคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อคลายข้อสงสัยของประชาชน ดังนี้

 

1. สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือซ้ำกันในการลงทะเบียนได้หรือไม่

เบอร์มือถือที่ใช้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะไม่สามารถลงทะเบียนซ้ำได้

 

2. การลงทะเบียนภาคประชาชนจะแจ้งผลผ่านช่องทางใดบ้าง

ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com จะได้ผลลงทะเบียนทาง SMS ตามเบอร์มือถือที่แจ้งไว้

 

3. หลังจากลงทะเบียนแล้ว ประชาชนจะทราบผลภายในกี่วัน

ประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com จะได้ผลลงทะเบียนทาง SMS ตามเบอร์มือถือที่แจ้งไว้ ภายใน 3 วัน

 

4. ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถลงทะเบียนได้หรือไม่

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถลงทะเบียนบนเวปไซต์ได้ ระบบจะล็อคให้ไม่สามารถลงทะเบียนได้

 

5. ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้ารับสิทธิโครงการคนละครึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเบอร์มือถือระหว่างรับสิทธิโครงการได้หรือไม่

ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเบอร์มือถือระหว่างรับสิทธิโครงการคนละครึ่งได้

รายละเอียดโครงการ "คนละครึ่ง"

คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง"

  • มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
  • มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
  • เป็นผู้มีสัญชาติไทย
  • ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
  • ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563
  • มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยกระบวนการยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด

โครงการ "คนละครึ่ง" รัฐจะสนับสนุนเงินแก่ประชาชนในการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน โดยรัฐจะชำระเงินดังกล่าวให้แก่ร้านค้าโดยตรง

เงื่อนรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในโครงการ "คนละครึ่ง"

  • ประชาชนต้องชำระค่าอาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป ให้แก่ร้านค้าผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
  • จำนวนเงินที่รัฐสนับสนุนให้ต่อหนึ่งหมายเลขประจำตัวประชาชนจะไม่เกินกว่า 150 บาทต่อวัน และไม่เกินกว่า 3,000 บาทรวมตลอดทั้งโครงการฯ
  • ค่าสินค้า เครื่องดื่ม หรืออาหาร ที่รัฐสนับสนุนเงิน ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ยาสูบที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น และบริการต่าง ๆ
  • ประชาชนจะต้องใช้สิทธิภายใน 14 วัน นับแต่วันถัดจากวันที่ได้รับข้อความสั้น (SMS) แจ้งว่าได้รับสิทธิ หากไม่ใช้สิทธิภายในเวลาดังกล่าวจะถูกตัดสิทธิ และไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก ในกรณีประชาชนลงทะเบียนสำเร็จก่อนวันที่โครงการฯ เริ่มเปิดให้ใช้สิทธิ (23 ตุลาคม 2563) ระยะเวลาดังกล่าวจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่โครงการฯ เริ่มเปิดให้ใช้สิทธิ
  •  แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ระหว่างเวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน

 

ทั้งนี้รัฐจะสนับสนุนเงินในโครงการ "คนละครึ่ง" รวมตลอดระยะเวลาโครงการฯ ไม่เกิน 10 ล้านหมายเลขประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ รัฐอาจพิจารณาเพิ่มเติมจำนวนสิทธิได้ในภายหลัง

 

การพิจารณาผู้ได้รับสิทธิโครงการ "คนละครึ่ง" จะพิจารณาเมื่อประชาชนได้รับสิทธิ ตามลำดับก่อนหลัง จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการฯ

 

16 ตุลาคม 2563 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จะพยายามทำให้คนมาลงทะเบียนคนละครึ่งให้มากที่สุดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10 ล้านคนให้ได้ โดยนายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งการให้เร่งประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนให้มากที่สุด 

“เราก็ต้องประชาสัมพันธ์มา นายกรัฐมนตรีก็ให้แนวมาว่าต้องทำยังไงให้คนมาร่วมเยอะๆ ส่วนเรื่องม๊อบก็ไม่ได้อะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ให้โครงการเดินหน้าต่อ”นายอาคม กล่าว