ครม.สัญจรภูเก็ตปักหมุด พลิกโฉมกลุ่มอันดามัน แหล่งท่องเที่ยวโลก

ผลครม.สัญจรภูเก็ต ไฟเขียว 12 แผนงานเฉียด 2,300 ล้าน อนุรักษ์ฟื้นฟูชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยว รับข้อเสนอ 6 ด้านภาคเอกชนในพื้นที่ และ 13 มาตรการฟื้นเศรษฐกิจของกลุ่มท่องเที่ยวภูเก็ต ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องจัดทำลำดับความสำคัญเสนอศบศ.ต่อไป
    

การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดภูเก็ต วันที่ 3 พ.ย.2563 เพื่อติดตามการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ท่ามกลางความคาดหวังของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ในพื้นที่กลุ่มอันดามัน 6 จังหวัด(ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล) ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดเชื้อโควิด-19 มากว่า 8 เดือน ผลประชุมมีทั้งการอนุมัติแผนงานพร้อมงบประมาณ รับทราบข้อเสนอและมอบหน่วยงานผู้รับผิดชอบไปจัดลำดับความสำคัญเพื่อเสนอเข้าศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ) เพื่อพิจารณาต่อ และติดตามความคืบหน้าเมกะโปรเจ็กต์สำคัญในพื้นที่
    

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 12 โครงการ วงเงินงบประมาณ 2,298.5488 ล้านบาท เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานสากล ให้เกิดการจ้างงานในช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามข้อเสนอโครงการภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (รายละเอียดตามตาราง)
    

ส่วนการหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต ที่โรงแรมดวงจิตต์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุมเห็นชอบหลักการโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ตามที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวนำเสนอ รวม 13 มาตรการ โดยนายกฯมอบหมายหน่วยงานผู้รับผิดชอบ ไปจัดลำดับความสำคัญและเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 (ศบศ.) พิจารณาต่อไป
     

โครงการที่สามารถทำได้ก่อนก็พร้อมจะเดินหน้า เช่น การจัดการอบรม สัมมนา นายกรัฐมนตรีย้ำว่าภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกันจัดลำดับความสำคัญในการเข้าไปช่วยเหลือ รัฐบาลวันนี้ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ให้คนไทยท่องเที่ยวข้ามจังหวัด เพื่อประคองอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย สิ่งสำคัญ คือ รัฐบาลจะต้องดูแลทุกคน ประชาชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร ทุกภูมิภาค คำนึงถึงการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างภูมิคุ้มกันให้ไทยสามารถเผชิญกับวิกฤติใหม่ๆ ในอนาคตได้
    
ส่วนการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่โรงแรมสแปลช บีช รีสอร์ท ไม้ขาว จังหวัดภูเก็ต มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานนั้น ที่ประชุมรับทราบมาตรการช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู ผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ตามที่ภาคเอกชนเสนอ รวม 6 ด้าน
     

ด้านการท่องเที่ยว อาทิ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะอันดามัน เพื่อความเป็นเมืองน่าอยู่และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้านการเกษตร อาทิ การขับเคลื่อน Thailand Green Rubber ยกระดับยางไทยสู่สากล สนับสนุนการทำประมงนอกน่านน้ำ การพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น โครงการศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน ด้านทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก และโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เช่น การยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง เป็นต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้กลุ่มจังหวัดอันดามันสามารถกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่อไป
 

นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.สัญจรภูเก็ต ยังรับทราบแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ และภูเก็ต รวม 3 โครงการสำคัญ เพื่อให้เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม
    

1.โครงการคลองท่อมเมืองสปา อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ประกอบด้วยแผนการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำ พุร้อนคลองท่อมเมืองสปา การบริหารจัดการน้ำพุร้อนเค็มให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพุร้อนอย่างยั่งยืน
     

2.โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำผุดบางสวรรค์ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำผุดจากใต้ดินกว่า 10,000 จุด มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งปี มีแผนพัฒนาสินค้าและกิจกรรม (New Product) ได้แก่ กิจกรรมเดินป่า กิจกรรม Sub Board/แคนู/คายัค การพัฒนาที่พักชุมชน การสร้างโปรแกรมทัวร์ การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ป้ายบอกทาง การปรับปรุงสะพานเดินชม การก่อสร้างห้องน้ำ เป็นต้น
  
 3.การจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ให้มีมูลค่าสูงด้วยอัตลักษณ์และวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วยแผนการพัฒนาบุคลากรกีฬา โครงการสร้างสังคมกีฬาและวัฒนธรรมกีฬาจากฐานชุมชน การพัฒนาระบบฐานข้อมูลกีฬาแบบดิจิทัล การจัดแข่งขันกีฬานานาชาติ 9 ชนิดกีฬา ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬา และการจ้างงานประชาชนในการจัดการแข่งขันกีฬา
  

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม ยังได้รายงานความก้าวหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชน ภูเก็ต ระยะที่ 1 ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) นั้น เรื่องรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อยู่ระหว่างให้ปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ (คชก.) พิจารณาอีกครั้ง ตราพระราชกฤษฎีกาให้อำนาจ รฟม.ดำเนินกิจการรถ ไฟฟ้าในภูเก็ต ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อ 6 เม.ย.2563 โครงการเป็นรถไฟฟ้ารางเบา ชนิด Tram ชานต่ำ จากสนามบินถึงห้าแยกฉลอง ระยะทาง 42 กิโลเมตร 21 สถานี วงเงินลงทุน 35,201 ล้านบาท ครม.จะอนุมัติรูปแบบการลงทุนในเดือนต.ค.2564 คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน มี.ค.2565-มี.ค.2566 เริ่มก่อสร้างเดือนเม.ย.2566 และเปิดให้บริการในเดือนก.ค.2569
    

ส่วนโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตองพร้อมอุโมงค์ 3.98 กิโลเมตร มูลค่า 14,177 ล้านบาท การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ส่งรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้สคร.แล้ว และอยู่ระหว่างขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ คาดแล้วเสร็จภายในธ.ค. 2563 จะคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการได้ในเดือนมิ.ย.2564- ม.ค.2566 ก่อสร้างโครงการเดือนก.พ.2566-ม.ค.2570 เปิดให้บริการได้ในเดือนก.พ.2570 

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 17 ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,625 วันที่ 8-10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

จัด "ครม. สัญจร ภูเก็ต" 2-3 พ.ย. นี้ ฟื้นท่องเที่ยวภาคใต้อันดามัน

เปิดหมดใจที่มาข้อเสนอ"ยาแรง"ฟื้นอันดามัน

กลุ่มอันดามันชงครม.สัญจรยกฐานะภูเก็ต ‘ท้องถิ่นพิเศษ- เขตศก.ท่องเที่ยว’

ท่าเรืออัจฉริยะ"อ่าวปอ"รับยุค"ดิจิทัลภูเก็ต"