24 ธันวาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2563 พิจารณาวาระสำคัญเรื่องมาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเกณฑ์ใหม่นี้ ตัวครูจะเห็นช่องทางการเติบโตในหน้าที่การงานที่ชัดเจนและสามารถอยู่ในสายการสอนได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าต้องเข้าสู่สายบริหาร ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาในการขยับเลื่อนตำแหน่ง จะมีความเหมาะสม และมีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ต้องไปดูในรายละเอียดเปรียบเทียบระหว่างของเดิมกับของปัจจุบัน
นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังได้พยายามเร่งปลดล็อก หรือแก้ปัญหาให้แก่บุคลากรทางการศึกษาที่ทุกๆ ปี หรือในทุกๆ ช่วงชั้นจะมีการเลื่อนตำแหน่งทุกคนจึงต้องมีการพัฒนาตนเองอย่างเข้มข้นซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ หรือหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการเตรียมไว้ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่า ในทุกๆ ตำแหน่งที่ครูและผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องการจะขยับขึ้น กระทรวงศึกษาธิการจะวางแนวทางให้เห็นชัดเจนและต้องมีความเท่าเทียมกันโดยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนด้วย
ด้าน รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลาขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะเดิมได้ใช้มานานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบันรวม 15 ปี ดังนั้น ก.ค.ศ. จึงได้วิเคราะห์และพิจารณาแล้ว เห็นว่า จำเป็นต้องปรับปรุงหน้าที่ความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของการจัดการศึกษาในปัจจุบัน รวมถึงระยะเวลาที่กำหนดในคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง และคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะตามมาตรฐานตำแหน่ง ซึ่งยังมีความเหลื่อมล้ำในความก้าวหน้าระหว่างสายงาน (Career Path)
“การปรับปรุงมาตรฐานดังกล่าว จะเป็นการจูงใจให้บุคลากรที่เก่งเข้ามาสู่ระบบการศึกษา และมีความก้าวหน้าในวิชาชีพตามความรู้ ความสามารถจริง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการในการยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ โดยคุณภาพของครู คือกุญแจสำคัญ
สำหรับมาตรฐานที่จะมีการปรับปรุงใหม่ ได้แก่ มาตรฐานตำแหน่ง ซึ่งในส่วนนี้ มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ให้ทันสมัย สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง และมีหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งยังได้ปรับปรุงคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ด้วยการส่งเสริมให้ทุกสายงานมีเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพ ทั้งในสายงานของตนเอง และสามารถเปลี่ยนตำแหน่งไปสู่สายงานอื่นได้ โดยคำนึงถึงการสั่งสมประสบการณ์ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตำแหน่งอื่น และประโยชน์ต่อการจัดการศึกษา
ส่วนในด้านมาตรฐานวิทยฐานะ นั้น จะมุ่งเน้นให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานในการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ รวมทั้งความรู้ ความสามารถ ทักษะด้านภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงการมุ่งเน้นในการปรับระยะเวลาการให้มีวิทยฐานะ และเลื่อนวิทยฐานะ ที่กำหนดระยะเวลาเป็น 4 ปี เนื่องจากระยะเวลาดังกล่าว มีความเหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ประกอบกับหลักของวาระการดำรงตำแหน่งกำหนดให้อยู่ในวาระในวาระ 4 ปี เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน และการบริหารจัดการ
ทั้งนี้ จะสามารถลดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง หรือการดำรงวิทยฐานะจาก 4 ปี เหลือ 3 ปี โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังนี้ บุคลากรดังกล่าว ต้องเป็นผู้มีความสามารถทางภาษาต่างประเทศ ซึ่งจะเทียบกับเกณฑ์ผลการทดสอบ CEFR ที่คุรุสภาได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในการประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครูฯ อีกทั้งต้องเป็นผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษ (พื้นที่เกาะ ภูเขาสูง พื้นที่มีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ) เป็นผู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง (การได้รับวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น) และเป็นผู้ผ่านการประเมินสมรรถนะตามกรอบคุณวุฒิอาชีพ จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
นอกจากเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวแล้ว ต้องมีผลการประเมินการเลื่อนเงินเดือนระดับดีเด่น 4 รอบการประเมินติดต่อกันด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ยังได้กำหนดบทเฉพาะกาลว่า ผู้ใดมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง หรือคุณสมบัติเฉพาะสำหรับวิทยฐานะ ตามมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะเดิมอยู่แล้ว ให้ใช้คุณสมบัติดังกล่าวได้อีก 1 ครั้ง ภายหลังจากหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานตำแหน่งฯ ใหม่ มีผลบังคับใช้
ส่วนมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะเดิม ให้ใช้เฉพาะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเจ้าหน้าที่บริหารการศึกษาอยู่ก่อนวันที่มาตรฐานตำแหน่งฯ ใหม่ใช้บังคับเท่านั้น และหากข้าราชการครู ดังกล่าวมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งของตำแหน่งใดในมาตรฐานตำแหน่งเดิม ก็ให้มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้นได้เช่นเดิม แต่ เมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลง ให้ยกเลิกมาตรฐานตำแหน่ง และมาตรฐานวิทยฐานะเดิม
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ค.ศ. ยังอนุมัติการกำหนดกรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มเติม โดยให้ปรับเพิ่มกรอบอัตรากำลังครูผู้สอน แห่งละ 12 อัตรา จากเดิม 60 อัตรา เป็น 72 อัตรา เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝุ่นคลุ้ง "ขุมทรัพย์ครูก้อนโต" ขาใหญ่คุม "คุรุสภา-สกสค."