นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจ FTI Poll ในหัวข้อ การรับมือเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) รอบที่ 2 ในประเทศไทย ว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลมากเกี่ยวกับการระบาดของการติดเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 และมองว่าการลักลอบเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยผ่านด่านชายแดนหรือด่านธรรมชาติของทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ดังในกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังเห็นว่า มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ อาทิ คนละครึ่ง ,ช็อปดีมีคืน ,เที่ยวด้วยกัน ,เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น ยังคงเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 163 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 74 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ในเรื่องความกังวลต่อการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2 ในประเทศไทย ผู้บริหารส่วนใหญ่ 54.6% มีความกังวลมาก ,ค่อนข้างกังวล 31.9% ,ไม่ค่อยกังวล 10.4% และไม่กังวลเลย 3.1%
สำหรับสาเหตุความเสี่ยงที่คาดว่าจะทำให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบที่ 2 นั้น 96.3% มองว่า เกิดจากการลักลอบเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยผ่านด่านชายแดนหรือด่านธรรมชาติ รองลงมา 51.5% เกิดจากการที่ประชาชนไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุขหรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันจำนวนมาก และ 15.3% เกิดจากการเปิดให้ชาวต่างชาติและคนไทยเดินทางเข้าประเทศผ่านสนามบิน
ส่วนความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมในการรับมือการระบาดโควิด-19 รอบที่ 2 พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มีความพร้อมรับมือสถานการณ์อยู่ในระดับมาก 47.2% และปานกลาง 41.7% เนื่องจากมีการนำประสบการณ์การรับมือกับการระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามในส่วนของปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถรับมือกับการระบาดโควิด-19 รอบที่ 2 พบว่า 64.4% มองว่าปัญหาเรื่องคำสั่งซื้อและยอดขายลดลงเป็นปัญหาที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรม ,รองลงมา 46.6% ปัญหาในการขนส่งสินค้า และ 43.6% เป็นปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน
นอกจากนี้ ในมุมมองของผู้บริหาร ส.อ.ท. ในเรื่อง มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาครัฐ มาตรการใดที่มีประสิทธิภาพ พบว่า 67.5% มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ (คนละครึ่ง, ช็อปดีมีคืน, เติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) เป็นมาตการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ,รองลงมา 58.9% มาตรการชำระหนี้ และ 54% เป็นมาตรการลดหย่อนทางภาษี/เลื่อนชำระภาษี
ด้านความคาดหวังของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จะมาใช้ในประเทศไทยฟื้นตัวในปีหน้า พบว่า ส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. เน้นย้ำขอให้ภาครัฐดำเนินมาตรการที่เข้มงวด รัดกุม จริงจัง รวมถึง สื่อสารให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และแผนรับมือที่ชัดเจน ตลอดจนขอให้พิจารณาถึงความสมดุลย์ระหว่างการป้องกันและการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้ง การดูแลผู้ประกอบการในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน และการรักษาสภาพการจ้างงาน