ระยองปลูกแล้ว"กัญชา"ต้นแรก
รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขปลูกกัญชาต้นแรกของระยอง เพื่อใช้ทางการแพทย์ ย้ำประชาชนยังต้องขออนุญาตปลูก ในรูปวิสาหกิจชุมชน โดยมีข้อตกลงกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)
รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขปลูกกัญชาต้นแรกของระยองเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ย้ำประชาชนยังต้องขออนุญาตปลูก ในรูปวิสาหกิจชุมชนโดยมีข้อตกลงกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เพื่อให้ตรวจสอบที่มาได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โชว์สารพัดเมนูเด็ดจากใบกัญชา
วันที่ 8 มีนาคม 2564 ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)กร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดป้ายและปลูกกัญชาโครงการปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โดยมีนายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ระยอง นายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง และนายพีรวัส ทองก้อน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรครบวงจร อำเภอแกลง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อสม. และประชาชน ให้การต้อนรับ
ภายในงานมีกิจกรรมเกี่ยวกับการนำใบกัญชามาแปรรูปเป็นอาหาร ทั้งคาวหวาน น้ำดื่ม ปรุงเป็นเมนูต่าง ๆ อย่างหลากหลาย อาทิ ไข่เจียวกัญชา ยิ้มกริ่มห่อหมก แกงป่าตาหวาน ต้มกระวานรอยยิ้ม น้ำปั่นอารมณ์ดี บรรเทิงบราวนี่ คุกกี้ร่าเริง และทองม้วนหรรษา ซึ่งประชาชนที่มาในงานต่างได้ลองลิ้มชิมรสอาหารจากใบกัญชากันอย่างอิ่มหนำสำราญและพากันอารมณ์ดี แม้แต่รัฐมนตรีก็ยังรับประทานไข่เจียวใบกัญชาอย่างเอร็ดอร่อย
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การปลูกกัญชาวันนี้ดำเนินการโดยวิสาหกิจชุมชน ที่ได้ดำเนินการขออนุญาตอย่างถูกต้อง ผ่านทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) เป็นไปตามขั้นตอนใน พ.ร.บ. ที่ต้องยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการกรมการแพทย์แผนไทย ซึ่งก็ได้มีคณะกรรมการเข้ามาทำการตรวจสอบโรงเรือนที่ถูกต้อง หลังจากนั้นก็จะผ่านกระบวนการเข้าที่ประชุมเป็นขั้นตอน
ขณะนี้ในทางการแพทย์เรามุ่งเน้นที่จะปลูกกัญชาเพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ากัญชา มีสารซีบีดี สามารถใช้รักษาโรคที่ทางการแพทย์ยอมรับอย่างน้อย 2 โรคด้วยกัน คือ โรคลมชักในเด็ก และโรคสมองเสื่อม รวมถึงช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยที่เบากว่ามอร์ฟีน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
ถ้าใครต้องการจะปลูกก็ขอให้ศึกษาจากข้อเท็จจริง หรือจะมาศึกษาจากที่นี่ก็ได้ ว่าได้ดำเนินการมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ปลูกอย่างถูกต้อง เวลานี้ไม่ใช่ว่ามีกัญชาแล้วจะไม่ถูกจับ ถ้ามีก็จะต้องบอกได้ว่ามาจากที่ไหน อย่างไร เป็นแหล่งที่ปลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งต้องพิสูจน์กัน จึงขอให้ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เพื่อเราจะได้ใช้กัญชาเชิงการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือผู้ป่วย
ส่วนการปลดล็อกกัญชาให้ถูกต้องทั้งหมดนั้น ต้องเข้าใจว่ามีความละเอียดอ่อนของทั้งคุณและโทษ ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งในโลกมันมีทั้งคุณและโทษ จึงต้องมีกฎหมายมารองรับให้ดี ทั้งนี้ ในการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เชิงการแพทย์นั้นกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุน และจะพยายามทำให้ชัดเจนที่สุด ซึ่งอยู่ในช่วงดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจตรงกัน
ด้านนายพีรวัส ทองก้อน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนพัฒนาสมุนไพรครบวงจร อำเภอแกลง บอกว่า การเริ่มขออนุญาตปลูกกัญชา เริ่มตั้งแต่กฎหมายเริ่มเปิดทาง ก็ติดตามมาตลอด ทั้งเรื่องข้อกฎหมาย ตลอดจนหาข้อมูลความรู้ที่ติดตามไปทั่ว ทั้งที่มีการประชุมหรือในกระทรวง
ส่วนขั้นตอนครั้งแรกเลยเราจะต้องมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยรวมตัวกันตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป จากนั้นก็ต้องคุยกับท้องถิ่น ทางผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อำเภอ จังหวัด จนถึงกระทรวง เราตั้งใจปลูกกัญชาเพื่อผลิตส่งให้กับกรมการแพทย์แผนไทย แล้วกรมการแพทย์แผนไทยก็จะผลิตเป็นตัวยาออกมา ให้กับ รพสต. เพื่อรักษาผู้ป่วยต่อไป ในส่วนของประชาชนก็จะได้ประโยชน์ในการใช้ยาที่ผลิตมา เป็นการคืนประโยชน์กลับมายังชุมชน เพื่อช่วยในเรื่องของการรักษาโรค
ในส่วนของโรงเรือนทางแพทย์แผนไทยจะมีแบบแปลนมาให้ ขนาด 48 ตารางเมตร ปลูกได้จำนวน 50 ต้น พอสี่เดือนก็พร้อมเก็บเกี่ยว พอเก็บเกี่ยวเราก็ส่งให้กับกรมการแพทย์แผนไทย เพื่อที่จะให้ไปผลิตยากลับมาที่ รพ.สต. ตอนนี้กฎหมายได้ปลดล็อกส่วนของกัญชาแล้ว ทั้ง ต้น ใบ ราก ใบ ยกเว้นเฉพาะช่อดอกและเมล็ด ที่ยังถือเป็นยาเสพติดอยู่ ดังนั้น ทางวิสาหกิจชุมชนก็สามารถขายส่วนของต้นกัญชาที่ไม่ใช่ยาเสพติด ให้กับครัวเรือนนำใช้ใช้ประกอบการปรุงอาหารได้ แต่ซื้อไปทำผลิตภัณฑ์ยังไม่ได้ เพราะการไปทำผลิตภัณฑ์ต้องไปขออนุญาตจาก อย. ก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง